(ภาพจากองค์การบริหารอวกาศแห่งชาติจีน : ภาพถ่ายดาวอังคารจากยานสำรวจเทียนเวิ่น-1 วันที่ 18 มี.ค. 2021)
เยรูซาเล็ม, 17 เม.ย. (ซินหัว) -- การศึกษาใหม่จากสถาบันเทคโนโลยีอิสราเอลระบุว่าดาวเคราะห์ส่วนใหญ่ในจักรวาลอาจกลายเป็น "ดาวเคราะห์เร่ร่อน" ที่ล่องลอยไปในอวกาศโดยไม่โคจรรอบดาวฤกษ์ใดๆ ในท้ายที่สุด และเชื่อว่าดาวเคราะห์เร่ร่อนเหล่านี้ถูกขับออกจากระบบดาวเคราะห์ดั้งเดิมของตนเอง ก่อนจะถูกปล่อยให้ล่องลอยไปตามแรงโน้มถ่วงของดาวเคราะห์ใกล้เคียง
นักวิจัยใช้การจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ขั้นสูงเพื่อศึกษาวิวัฒนาการของระบบดาวเคราะห์ และพบว่าแรงดึงดูดระหว่างดาวเคราะห์มักก่อให้เกิดความไม่เสถียร ส่งผลให้ดาวเคราะห์จำนวนมากถูกขับออกจากระบบ โดยขึ้นอยู่กับจำนวนดาวเคราะห์ในระบบนั้นๆ ซึ่งอาจมีดาวเคราะห์ถึงร้อยละ 40-80 ที่ถูกขับออกไปในท้ายที่สุด
การขับออกเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นภายใน 100 ล้านปีแรกหลังจากที่ระบบดาวเคราะห์ก่อตัวขึ้น แต่ในบางกรณีอาจเกิดขึ้นช้าถึง 1 พันล้านปีหลังการก่อตัว
หลังจากถูกขับออก ดาวเคราะห์เหล่านี้จะล่องลอยไปในอวกาศด้วยความเร็วค่อนข้างต่ำ อยู่ที่ราว 2-6 กิโลเมตรต่อวินาที โดยสามารถเปรียบเทียบได้กับโลกที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยความเร็วมากกว่า 30 กิโลเมตรต่อวินาที
ทั้งนี้ การศึกษายังพบว่าระบบที่มีดาวเคราะห์จำนวนมากมีแนวโน้มที่จะไม่เสถียรมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป โดยในระบบที่มีดาวเคราะห์หนาแน่น อาจมีมากถึงร้อยละ 70 ที่ถูกขับออกในท้ายที่สุด
นอกจากนี้ ดาวเคราะห์ที่มีน้ำหนักมากกว่าจะมีแนวโน้มคงอยู่ในวงโคจรมากกว่า ขณะที่ดาวเคราะห์ขนาดเล็กหรือมีน้ำหนักน้อยมักสูญหายไปได้ง่ายกว่า