ลิงค์ที่น่าสนใจ:
15 พฤษภาคม 2568
9621 Agnes Crossing, Lake Suzanneview, New Mexico Island 84604-9295.
(แฟ้มภาพซินหัว : คนงานที่สายการประกอบในโรงงานของเสี่ยวหมี่ในกรุงปักกิ่งของจีน วันที่ 25 มี.ค. 2024)
ปักกิ่ง, 14 ม.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (13 ม.ค.) สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน เปิดเผยว่าภาคส่วนยานยนต์ของจีนบรรลุหมุดหมายสำคัญในปี 2024 หลังยอดการผลิตและยอดจำหน่ายยานยนต์ต่างสูงเกิน 31 ล้านคัน
สมาคมฯ ระบุว่าจีนมีผลผลิตยานยนต์รวม 31.28 ล้านคันในปี 2024 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 จากปี 2023 และมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบปีต่อปี แตะที่ 31.44 ล้านคัน โดยผลผลิตและยอดจำหน่ายยานยนต์ของจีนยังคงครองอันดับหนึ่งของโลกในปี 2024
แม้เผชิญความท้าทายด้านความเชื่อมั่นของผู้บริโภค นโยบายกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันที่ทวีความเข้มข้น แต่ภาคส่วนยานยนต์ของจีนยังคงสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาลและการส่งเสริมการขายโดยผู้ประกอบการ
ยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) เป็นหนึ่งในดาวเด่นของภาคส่วนยานยนต์ในปี 2024 โดยการผลิตยานยนต์พลังงานใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.4 เป็น 12.89 ล้านคัน และมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.5 เป็น 12.87 ล้านคัน โดยยอดจำหน่ายยานยนต์พลังงานใหม่คิดเป็นร้อยละ 40.9 ของยอดจำหน่ายยานยนต์ใหม่ทั้งหมดในปี 2024 เพิ่มขึ้น 9.3 จุด จากปี 2023
เมื่อปี 2024 จีนเปิดตัวโครงการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าอุปโภคบริโภคมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อกระตุ้นความต้องการในประเทศ ซึ่งเป็นโครงการรูปแบบนี้ครั้งแรกในรอบเกือบ 15 ปี โดยโครงการนี้ช่วยกระตุ้นการบริโภคอย่างมากและเกื้อหนุนการเปลี่ยนผ่านสีเขียวของอุตสาหกรรมยานยนต์
นโยบายในโครงการข้างต้นระบุว่าผู้ที่นำรถเก่ามาแลกเปลี่ยนเป็นรถพลังงานใหม่มีสิทธิ์รับเงินอุดหนุน 20,000 หยวน (ราว 94,600 บาท) ซึ่งสูงกว่าผู้ที่นำมาเปลี่ยนเป็นรถน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะได้รับเงินอุดหนุน 15,000 หยวน (ราว 71,000 บาท)
ส่วนในด้านการส่งออก ข้อมูลเผยว่าจีนส่งออกยานยนต์ 5.86 ล้านคันในปี 2024 เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.3 เมื่อเทียบปีต่อปี
บรรดานักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมคาดว่าภาคส่วนยานยนต์ของจีนจะรักษาแรงขับเคลื่อนการเติบโตไว้ได้ในปี 2025 ขณะคาดการณ์ว่าจะมีการปลดล็อกศักยภาพตลาดยานยนต์มากขึ้นหลังดำเนินมาตรการสนับสนุนหลายรายการ
ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม จีนได้ประกาศชุดมาตรการที่มุ่งขยายโครงการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งรวมถึงยานยนต์ เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
