(แฟ้มภาพซินหัว : ผู้ร่วมงานโชว์ตราประทับที่เก็บสะสมในงาน "สายใยคูเหลียง : เทศกาลเยาวชนจีน-สหรัฐฯ 2024" ในเมืองฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน วันที่ 24 มิ.ย. 2024)
(แฟ้มภาพซินหัว : สมาชิกตัวแทนนักเรียนมัธยมปลายจากรัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ ถ่ายรูปที่ด้านหน้าพระตำหนักเฉียนชิงกงที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังในกรุงปักกิ่งของจีน วันที่ 19 มี.ค. 2024)
ปักกิ่ง, 18 ธ.ค. (ซินหัว) -- เมื่อครั้งพบปะหารือกับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นอกรอบการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 ในกรุงลิมา เมืองหลวงของเปรู สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้กล่าวถึง 4 เส้นแดงของจีนในความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งต้องไม่ถูกก้าวล้ำข้ามมา
เส้นแดงเหล่านี้ ได้แก่ ปัญหาไต้หวัน ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน วิถีทางและระบบของจีน และสิทธิการพัฒนาของจีน ซึ่งทั้งหมดไม่เพียงเน้นย้ำความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของจีนในการปกป้องผลประโยชน์หลักของตนเอง แต่ยังเป็นดังราวกั้นและตาข่ายนิรภัยสุดสำคัญของทั้งสองฝ่ายในการจัดการความแตกต่างอย่างเหมาะสมและรักษาเสถียรภาพของสายสัมพันธ์ทวิภาคี
การที่จีนและสหรัฐฯ ต่างเป็นประเทศใหญ่ย่อมมิอาจหลีกเลี่ยงความแตกต่างและความไม่เห็นพ้อง ทว่าทั้งสองฝ่ายต้องไม่บ่อนทำลายผลประโยชน์หลักของกันและกัน หรือทวีความรุนแรงสู่การปะทะคะคาน
ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นสาเหตุหลักของภาวะชะงักงันในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ นั่นคือการยั่วยุปลุกปั่นของสหรัฐฯ เกี่ยวกับผลประโยชน์หลักของจีน โดยการกระทำดังกล่าวเคยผลักสายสัมพันธ์ทวิภาคีสู่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ ซึ่งะบทเรียนเหล่านี้มิควรถูกมองข้าม
ห้วงยามสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนผ่านอำนาจการปกครองประเทศ การเคารพ 4 เส้นแดงนี้คือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อสงวนรักษาเสถียรภาพของสายสัมพันธ์ทวิภาคีที่ได้มาอย่างยากเย็น และวางรากฐานอันมั่นคงแก่ปฏิสัมพันธ์ในอนาคต
สำหรับปัญหาไต้หวันเป็นแกนกลางของผลประโยชน์หลักของจีน และเส้นแดงแรกที่มิอาจก้าวข้ามในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ โดยหลักการจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ ทั้งสามฉบับเป็นรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และจีนไม่มีการประนีประนอมหรือผ่อนปรนเกี่ยวกับปัญหาไต้หวันอย่างเด็ดขาด
หากสหรัฐฯ มุ่งมั่นจะรักษาสันติภาพในช่องแคบไต้หวันอย่างแท้จริง ย่อมต้องตระหนักถึงการแบ่งแยกดินแดนของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ของไต้หวัน และจัดการประเด็นนี้อย่างระมัดระวังสูงสุด รวมถึงต้องปฏิเสธ "เอกราชไต้หวัน" อย่างชัดเจน และสนับสนุนการรวมชาติอย่างสันติของจีน ดังนั้นการข้ามเส้นแดงนี้จะมีราคาที่ต้องจ่าย
สำหรับประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ทั้งสองประเทศสามารถหารือเพื่อแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจาอย่างเท่าเทียม ส่วนการใช้วาทกรรมอย่าง "ประชาธิปไตยปะทะอำนาจนิยม" มาจุดกระแสความแตกแยกหรือแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นๆ ภายใต้ข้ออ้างสิทธิมนุษยชนถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
สำหรับวิถีทางการพัฒนาและระบบการเมือง ทั้งสองประเทศควรเคารพวิถีทางที่อีกฝ่ายได้เลือก และไม่พยายามเปลี่ยนแปลงหรือแม้แต่ล้มล้างระบบของอีกฝ่าย เพราะโดยพื้นฐานไม่มีฝ่ายใดสามารถเปลี่ยนแปลงอีกฝ่ายได้
สำหรับสิทธิการพัฒนาของประชาชนชาวจีนเป็นสิ่งที่มิสามารถลิดรอนหรือเพิกเฉย และสหรัฐฯ ควรทบทวนการเติบโตของจีนด้วยมุมมองที่เป็นกลางและมีเหตุผล โดยสงครามการค้า การปิดกั้นเทคโนโลยี หรือ "การแยกตัว" เชิงบังคับล้วนแต่เป็นถ่วงความเจริญรุ่งเรืองและส่งผลเสียต่อฝ่ายอื่นๆ โดยไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อสหรัฐฯ และการพัฒนาของจีนเป็นโอกาส ไม่ใช่ภัยคุกคาม สำหรับสหรัฐฯ และทั่วโลก
เส้นแดงทั้งสี่เป็นเครื่องเตือนใจสหรัฐฯ ไม่ให้ตัดสินความมุ่งมั่นของจีนอย่างผิดพลาด โดยจีนยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพอันดีและยั่งยืนกับสหรัฐฯ แต่จะไม่ประนีประนอมในเรื่องผลประโยชน์หลักของประเทศชาติ
ทั้งนี้ สีจิ้นผิงได้ตอกย้ำกับไบเดนว่าจุดยืนของจีนต่อการคุ้มครองอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์จากการพัฒนาของประเทศยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ขณะเดียวกันการมองจีนเป็นคู่แข่งเชิงยุทธศาสตร์หลักและความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่สุดเป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงและรังแต่จะนำสู่ปรากฏการณ์ความคาดหวังสร้างความจริง (self-fulfilling prophecy)
ความขัดแย้งไม่ว่ารูปแบบใด ทั้งที่เรื้อรังหรือที่เพิ่งปะทุคุกรุ่น ทั้งเศรษฐกิจหรือเทคโนโลยี ล้วนจะสร้างความเสียหายแก่สองประเทศและโลกกว้าง รวมถึงผลพวงที่ตามมาจะหนักหนาสากรรจ์เกินกว่าที่ฝ่ายใดๆ จะรับไหว
ด้านไบเดนกล่าวว่าสหรัฐฯ ไม่ได้แสวงหาสงครามเย็นครั้งใหม่ ไม่ได้แสวงหาการเปลี่ยนแปลงระบบของจีน พันธมิตรของสหรัฐฯ ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่จีน ไม่ได้สนับสนุน "เอกราชไต้หวัน" ไม่ได้แสวงหาความขัดแย้งกับจีน และไม่ได้มองนโยบายไต้หวันเป็นหนทางแข่งขันกับจีน
ข้อผูกพันเหล่านี้ส่งเสริมสายสัมพันธ์ทวิภาคี แต่ประเด็นสำคัญคือการแปลงคำพูดเป็นการกระทำ ซึ่งทั้งสองประเทศต้องหลีกเลี่ยงกับดักทางประวัติศาสตร์ของความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ และควรแสดงความเป็นผู้นำที่แท้จริงด้วยการเสริมสร้างเสถียรภาพระดับโลกและขับเคลื่อนพลังเชิงบวก
สิ่งสำคัญในอนาคตคือสหรัฐฯ ยังคงเคารพ 4 เส้นแดงเหล่านี้อย่างจริงจัง และร่วมมือกับจีนในการเลือกการเจรจาและความร่วมมือแทนการปะทะคะคานหรือความขัดแย้ง เพื่อค้ำจุนสายสัมพันธ์ทวิภาคีก้าวไปข้างหน้าบนเส้นทางที่ถูกต้อง