(แฟ้มภาพซินหัว : หมอให้ความรู้เรื่องการปกป้องดูแลดวงตากับเด็กๆ ในเมืองอิ๋นชวน เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน วันที่ 28 พ.ค. 2022)
ปักกิ่ง, 13 พ.ย. (ซินหัว) -- รัฐบาลจีนเผยมาตรการใหม่เพื่อป้องกันและควบคุมอัตราสายตาสั้นในเด็ก เนื่องจากภาวะสายตาสั้นยังคงเป็นอีกหนึ่งความกังวลทางด้านสังคมในจีน
เอกสารซึ่งออกโดยกระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และสำนักบริหารการควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติจีนเมื่อเดือนตุลาคม ระบุว่าควรส่งเสริมให้เด็กชั้นอนุบาลนอนวันละกว่า 10 ชั่วโมง ส่วนเด็กวัยประถมควรนอนอย่างเต็มที่วันละ 10 ชั่วโมง
เอกสารเผยว่าเด็กอนุบาลควรร่วมกิจกรรมกลางแจ้งอย่างน้อย 2 ชั่วโมงทุกวัน ขณะที่โรงเรียนประถมควรจัดให้นักเรียนออกมาพักนอกห้องเรียน และดำเนินตามนโยบาย "ลดสองเท่า" (double reduction) ที่มุ่งลดปริมาณการบ้านและชั่วโมงเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนที่มากเกินไป
ขณะที่การเรียนการสอนออนไลน์ควรกำหนดระยะเวลา 30 นาทีต่อคาบเรียน และควรแบ่งพักอย่างน้อย 10 นาทีระหว่างคาบเรียน
ฉวีเจีย ประธานกลุ่มโรงพยาบาลจักษุแห่งมหาวิทยาลัยเวินโจว กล่าวว่าเอกสารข้างต้นแสดงถึงความมุ่งมั่นและการดำเนินงานของหน่วยงานการศึกษาของจีนในการส่งเสริมการพัฒนานักเรียนอย่างรอบด้าน และสะท้อนการให้ความสำคัญต่อการเจริญเติบโตอย่างมีสุขภาพดีของเด็ก
ข้อมูลสถิติทางการล่าสุดเผยว่าเด็กและวัยรุ่นชาวจีนร้อยละ 51.9 มีภาวะสายตาสั้น แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยในช่วงหลายปีมานี้
จีนกำลังเพิ่มความพยายามจัดการกับความชุกของภาวะสายตาสั้นในเด็กและวัยรุ่น โดยมุ่งบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ภายในปี 2030 เป้าหมายดังกล่าวรวมถึงการรักษาอัตราสายตาสั้นในเด็กที่มีอายุ 6 ปีให้อยู่ที่ราวร้อยละ 3 และคงระดับสายตาสั้นในเด็กประถมให้ต่ำกว่าร้อยละ 38
ช่วงหลายปีมานี้ จีนได้เผยแพร่และปรับปรุงแนวปฏิบัติต่างๆ ที่มุ่งลดภาวะสายตาสั้นในเด็ก และเปิดตัวโครงการรณรงค์เพื่อกระตุ้นการตระหนักรู้ถึงปัญหาดังกล่าว โดยมาตรการใหม่ๆ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการป้องกันและเรียกร้องการร่วมมือระหว่างหน่วยงาน โรงเรียน สถาบันสุขภาพ และผู้ปกครอง
โรงเรียนประถมควรจัดซื้อโต๊ะและเก้าอี้ที่สามารถปรับตามความต้องการของนักเรียนได้ รวมถึงติดตั้งอุปกรณ์ให้แสงสว่างภายในห้องเรียน หอพักนักเรียน และห้องสมุดเพื่อดูแลสุขภาพดวงตา ส่วนโรงเรียนอนุบาลควรตรวจสายตาเด็กทุก 6 เดือน และโรงเรียนประถมควรติดตามสุขภาพดวงตาของนักเรียนสองครั้งต่อภาคการศึกษา
นอกจากนั้น หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรแนะนำให้นักเรียนใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกน้อยลง พร้อมสนับสนุนให้นักเรียนประถมใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกโดยอยู่ภายใต้การดูแล