กุ้ยหยาง, 24 ต.ค. (ซินหัว) -- "หลิวเริ่นเหยี่ยนหนิง" จากมณฑลกุ้ยโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน กลายเป็นดาวเด่นดวงใหม่ในวงการนักชกหลังจากคว้ารางวัล "เข็มขัดทอง" ของการแข่งขันคิกบ็อกซิงชิงแชมป์ข้ามทวีป (เอเชีย) รุ่น 45 กิโลกรัม ซึ่งรับรองโดยสมาคมกีฬาคิกบ็อกซิงนานาชาติ (ISKA) ที่สนามเวิลด์สยามสเตเดียมในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2024
เมื่อไม่นานนี้ หลิวเริ่นเหยี่ยนหนิง วัย 15 ปี ให้สัมภาษณ์ที่บ้านเกิดในเขตสุ่ยเฉิง เมืองลิ่วผานสุ่ยของมณฑลกุ้ยโจวว่าตอนอยู่บนเวทีและการแข่งขันเริ่มต้น เขาทั้งตื่นเต้นและประหม่า แต่พอเจอบรรยากาศการแข่งขันที่สนุกสนานและผู้ชมต่างส่งเสียงเชียร์กันอย่างคึกคัก ไม่นานก็กลับมามีสมาธิจนสามารถออกหมัดและลูกเตะที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้สำเร็จ
หลิวเล่าว่าเขาเดินทางไปไทยครั้งแรกในช่วงปิดภาคเรียนฤดูหนาวเมื่อเดือนมกราคม 2024 เพื่อเรียนรู้ทักษะต่างๆ ของมวยไทยที่ใช้ทั้งหมัด ศอก และขาแบบต้องประสานกันทั้งร่างกาย โดยบรรยากาศการฝึกซ้อมและการแข่งขันที่สนามมวยในไทยสนุกมาก นักมวยแต่ละคนส่งเสียงฮึกเหิมและมีสมาธิขณะฝึกซ้อม ทำให้เขารู้สึกดีอย่างมาก
พอช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน หลินเดินทางมาฝึกซ้อมที่สนามมวยในไทยอีกครั้งและเข้าร่วมการแข่งขันข้างต้น ซึ่งการคว้ารางวัลเข็มขัดทองเป็นสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน โดยเบื้องหลังความสำเร็จคือ "หลิวซวิ่น" ผู้เป็นพ่อที่ชื่นชอบกีฬาการต่อสู้เป็นทุนเดิมและช่วยผลักดันลูกชายหลังจากเห็นแววตั้งแต่เด็ก
หลิวเริ่นเหยี่ยนหนิงเสริมว่าไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนามวยไทยมาก ทำให้เขาอยากหันมาเรียนรู้มวยไทยในอนาคต จะหาโอกาสไปฝึกซ้อมที่ไทยเพิ่มขึ้น และสั่งสมประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานและเข้าร่วมการแข่งขันมากขึ้น
"สักสิบปีข้างหน้า ผมอาจไปยืนอยู่บนเวทีแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ระดับนานาชาติ และคว้าเข็มขัดทองของรายการอัลติเมท ไฟต์ติง แชมเปียนชิป (UFC) ผมอยากบอกกับตัวเองว่าสู้ต่อไป แชมป์โลกรอนายอยู่ ทำให้คนที่บ้านเกิดและทั่วประเทศภาคภูมิใจ" หลิวเริ่นเหยี่ยนหนิงกล่าวทิ้งท้าย
(ภาพจากผู้ให้สัมภาษณ์ : หลิวเริ่นเหยี่ยนหนิง (กลาง) คว้าชัยชนะในการแข่งขันคิกบ็อกซิง รุ่น 45 กิโลกรัม ที่สนามกีฬาเวิลด์สยามสเตเดียมในกรุงเทพฯ วันที่ 11 ส.ค. 2024)
(ภาพจากผู้ให้สัมภาษณ์ : หลิวเริ่นเหยี่ยนหนิง (กลาง) คว้าชัยชนะในการแข่งขันคิกบ็อกซิง รุ่น 45 กิโลกรัม ที่สนามกีฬาเวิลด์สยามสเตเดียมในกรุงเทพฯ วันที่ 11 ส.ค. 2024)