(แฟ้มภาพซินหัว : รถไฟวิ่งผ่านแมกไม้ที่เปลี่ยนสีสันตามฤดูใบไม้ร่วงในกรุงเบอร์ลินของเยอรมนี วันที่ 3 พ.ย. 2023)
เบอร์ลิน, 17 ต.ค. (ซินหัว) -- รายงาน "เศรษฐศาสตร์น้ำ : การวัดคุณค่าวัฏจักรของน้ำในฐานะสินค้าเพื่อประโยชน์สาธารณะ" จากคณะกรรมาธิการโลกว่าด้วยเศรษฐศาสตร์น้ำ เมื่อวันพุธ (16 ต.ค.) ระบุว่าวัฏจักรน้ำอันไร้สมดุลจะสร้างหายนะแก่เศรษฐกิจและมนุษยชาติทั่วโลกเพิ่มขึ้น หากมนุษย์ไม่เร่งดำเนินการแก้ไขอย่างกล้าหาญ โดยการผลิตอาหารของโลกมากกว่าครึ่งหนึ่งจะเผชิญความเสี่ยงจากวิกฤตน้ำภายในปี 2050
วิกฤตน้ำยังอาจส่งผลให้นานาประเทศทั่วโลกสูญเสียผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เฉลี่ยร้อยละ 8 ภายในปี 2050 โดยกลุ่มประเทศรายได้ต่ำอาจสูญเสียผลิตภัณฑ์มวลรวมฯ มากถึงร้อยละ 15 และเผชิญผลพวงทางเศรษฐกิจที่รุนแรงยิ่งกว่าด้วย
รายงานฉบับนี้เน้นย้ำว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว การใช้ที่ดินอย่างอันตราย และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำผิดพลาดเรื้อรัง กอปรรวมกับวิกฤตสภาพอากาศที่เลวร้ายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้วัฏจักรน้ำทั่วโลกตกอยู่ภายใต้ความตึงเครียดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ประชาชนเกือบ 3 พันล้านคน และการผลิตอาหารมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก อยู่ในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง หรือมีแนวโน้มมีน้ำใช้โดยรวมที่ไม่แน่นอน ขณะเดียวกันหลายเมืองกำลังเสี่ยงทรุดตัวจมลงเพราะสูญเสียน้ำใต้ดิน
โจฮัน ร็อกสตรอม ผู้อำนวยการสถาบันพอตส์ดัมเพื่อการวิจัยผลกระทบทางสภาพภูมิอากาศ หนึ่งในสี่ประธานร่วมของคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่าปัจจุบันประชากรครึ่งหนึ่งของโลกประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำ โดยการขาดแคลนน้ำที่รุนแรงยิ่งขึ้น ทำให้ความมั่นคงทางอาหารและการพัฒนามนุษย์เผชิญความเสี่ยง และมนุษย์เราปล่อยให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น
ร็อกสตรอมเสริมว่าเรากำลังทำลายสมดุลของวัฏจักรน้ำทั่วโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เราไม่สามารถพึ่งพาแหล่งน้ำจืดหลักอย่างหยาดน้ำฟ้า (precipitation) ได้อีกต่อไป เพราะมนุษย์เป็นต้นตอของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและที่ดิน บ่อนทำลายพื้นฐานชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและเศรษฐกิจโลก