(แฟ้มภาพซินหัว : เรือสินค้าเทียบท่าสถานีตู้คอนเทนเนอร์ของท่าเรือเหลียนอวิ๋นก่าง มณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของจีน วันที่ 26 มิ.ย. 2024)
ซีอัน, 15 ต.ค. (ซินหัว) -- รายงานจากสถาบันซินหัว หน่วยงานคลังสมองของสำนักข่าวซินหัว เปิดเผยว่า "สีเขียว" หรือการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ "ดิจิทัล" กลายเป็นแนวคิดหลักของการพัฒนาตามแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ในระยะใหม่
จีนประกาศการสนับสนุนข้อริเริ่ม 8 ประการ ซึ่งมุ่งเดินหน้าการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงของแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ณ การประชุมหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ ครั้งที่ 3 เมื่อเดือนตุลาคม 2023
รายงาน "8 ขั้นตอนสำคัญ : เริ่มต้นทศวรรษใหม่อันมีอนาคตของความร่วมมือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ระบุว่าความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว พลังงานสีเขียว และการขนส่งสีเขียว กลายเป็นจุดสำคัญของข้อริเริ่มทั้งแปดประการ
ตัวอย่างเช่นสถานีพลังงานน้ำคารูมาในยูกันดา ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางที่สำคัญของจีนกับยูกันดา เริ่มต้นดำเนินงานเต็มรูปแบบตั้งแต่ต้นปี 2024 ผลิตไฟฟ้าเฉลี่ย 4 พันล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ประหยัดถ่านหินดิบราว 1.31 ล้านตันต่อปี และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 3.48 ล้านตัน โดยโครงการนี้ยังจะลดค่าไฟของยูกันดาลงร้อยละ 17.5 อีกด้วย
รายงานระบุว่าเส้นทางสายไหมดิจิทัล (Digital Silk Road) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในภาคการค้าการบริการทางดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ
ช่วงครึ่งแรกของปี 2024 การนำเข้าและส่งออกการบริการทางดิจิทัลของจีนสูงถึง 1.42 ล้านล้านหยวน (ราว 6.65 ล้านล้านบาท) ขณะการนำเข้าและส่งออกอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนรวมอยู่ที่ 1.22 ล้านล้านหยวน (ราว 5.72 ล้านล้านบาท) ซึ่งทั้งสองส่วนสูงเป็นประวัติการณ์ โดยการเติบโตนี้สร้างโอกาสใหม่มากมายแก่ประเทศที่เข้าร่วมแผนริเริ่มฯ
ด้านเศรษฐกิจดิจิทัลมีแนวโน้มกลายเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญของแผนริเริ่มฯ ขณะจีนขยับขยายการเปิดกว้างระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
การก่อสร้างเส้นทางสายไหมดิจิทัลจะส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนรอบด้านระหว่างประเทศและภูมิภาค และลดช่องว่างความแตกต่างทางดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้กลุ่มประเทศหุ้นส่วนแผนริเริ่มฯ สร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันในด้านไซเบอร์สเปซและแบ่งปันผลประโยชน์ของเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่ออนาคตที่สดใสยิ่งขึ้น