ฉงชิ่ง, 22 ก.ค. (ซินหัว) -- การประชุม "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" เพื่อความร่วมมือและการพัฒนาของชาวจีนโพ้นทะเลและชาวจีนในต่างประเทศ ครั้งที่ 1 ซึ่งจัดขึ้นที่เทศบาลนครฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อไม่นานนี้ เปิดเผยว่านโยบายฟรีวีซ่าระหว่างจีน-ไทยได้เริ่มปรากฏผลเชิงบวกอย่างรวดเร็ว โดยความร่วมมือทวิภาคีรูปแบบใหม่ๆ เช่น ภาคอาหารและการเกษตร และอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมหานครฉงชิ่งของจีนก็ได้กลายเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ การค้า และวัฒนธรรมระหว่างจีน-ไทย ดึงดูดผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยให้มาลงทุน
เครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพี (CP) บริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ของไทย ซึ่งดำเนินธุรกิจในจีนมาอย่างยาวนาน ได้เพิ่มการลงทุนในฉงชิ่งมากขึ้นในปี 2025 สะท้อนถึงพลวัตที่คึกคักในความร่วมมือระหว่างจีน-ไทย เซี่ยอี้ รองประธานอาวุโสของซีพี กล่าวในที่ประชุมว่าซีพีได้ลงนามข้อตกลงโครงการสำคัญๆ ในทั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรมกับเขตฉี่เจียงของฉงชิ่ง ตั้งแต่การเลี้ยงสุกรอัจฉริยะหลักล้านตัว การแปรรูปเนื้อสัตว์ที่ทันสมัย โลจิสติกส์ห่วงโซ่ความเย็น การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ การค้าปลีกปลายทาง ฯลฯ โดยคาดว่าเมื่อโครงการเสร็จสิ้น จะสร้างมูลค่าผลผลิตได้เกือบ 5 พันล้านหยวน (ราว 2.25 หมื่นล้านบาท) ต่อปี และส่งเสริมการจ้างงานได้ราว 20,000 อัตรา
เซี่ยกล่าวว่าฉงชิ่งมีพื้นฐานด้านการแปรรูปอาหารและสินค้าเกษตรที่ดี อีกทั้งรัฐบาลฉงชิ่งยังให้การสนับสนุนทั้งด้านนโยบาย ที่ดิน และบริการ ช่วยเสริมความเชื่อมั่นในการขยายการลงทุน ปัจจุบัน ซีพีได้สร้างระบบกระจายสินค้าเกษตรที่สมบูรณ์ เช่น ไข่ไก่และเนื้อหมู ครอบคลุมพื้นที่เขตเมืองหลักของฉงชิ่ง โดยมีศักยภาพกระจายสินค้าปีละ 60,000-70,000 ตัน และมีจุดบริการมากกว่า 2,000 แห่ง
จีนและไทยต่างเป็นคู่ค้ารายสำคัญของกันและกัน ข้อมูลจากสำนักบริหารศุลกากรทั่วไปของจีนระบุว่า มูลค่าการค้าระหว่างจีน-ไทยในปี 2024 อยู่ที่ 1.33 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.31 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบปีต่อปี การนำเข้าผลไม้ สินค้าเกษตร และยางพาราจากไทยของจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ของจีน เช่น เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และสินค้าในกลุ่มพลังงานใหม่ มีความต้องการสูงในตลาดไทย ทั้งนี้ จีนยังคงเป็นประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 12
ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงธุรกิจเผยว่านโยบายฟรีวีซ่าจีน-ไทยที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนมีนาคม 2024 ทำให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการเดินทางเพื่อศึกษาดูงานและเข้าร่วมงานแสดงสินค้าของภาคธุรกิจบ่อยขึ้น
กู้อวี่ ประธานกิตติมศักดิ์ของสมาคมพาณิชย์รุ่นใหม่ไทย-เจียงซู เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวระหว่างการประชุม ว่าความร่วมมือระหว่างจีน-ไทยมีรากฐานแน่นแฟ้น และครอบคลุมหลากหลายสาขาเกิดใหม่ เช่น ยานยนต์พลังงานใหม่ เศรษฐกิจดิจิทัล และการแพทย์และสุขภาพ โดยช่วงเวลานี้เป็นจังหวะสำคัญในการผลักดันความร่วมมือจีน-ไทยให้เปลี่ยนจาก "ภาครัฐนำ" ไปสู่ "ตลาดขับเคลื่อน" และจาก "การประสานผ่านเวทีกลาง" ไปสู่ "ภาคประชาชนมีส่วนร่วม" กู้วางแผนจะนำคณะผู้แทนภาคธุรกิจในไทยเดินทางเยือนจีนในเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งรวมถึงมณฑลเจียงซู เพื่อแสวงหาโอกาสความร่วมมือด้านเทคโนโลยีการเกษตร การแพทย์แผนจีน และบริการด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เป็นต้น
กู้กล่าวว่าไทยเป็นหัวใจสำคัญของอาเซียน และเป็นพันธมิตรที่สำคัญของจีนตามแนว "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" จึงเป็นจุดหมายอันดับต้นๆ ของบริษัทจีนในการไปลงทุนในต่างประเทศ และไทยเองก็ยินดีต้อนรับบริษัทและคนรุ่นใหม่จีนให้มาลงทุน
นโยบายฟรีวีซ่ายังกระตุ้นความร่วมมือในภาคประชาชน โดยเฉพาะในสาขาอีคอมเมิร์ซ สินค้าทางวัฒนธรรม และบริการเกี่ยวกับสุขภาพ และเปิดโอกาสในการเริ่มต้นธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น ซานต้า นักศึกษาไทยที่ศึกษาอยู่ในฉงชิ่ง เตรียมจัดตั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซร่วมกับเพื่อน เพื่อนำเข้าสินค้าไทยอย่างผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากสมุนไพรและอาหารไทยสู่จีน และส่งออกผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของฉงชิ่ง เช่น เครื่องปรุงน้ำซุปหม้อไฟ และเครื่องดื่มชา ไปยังไทย
เมื่อเครือข่าย"กลุ่มมิตรประเทศฟรีวีซ่า" ของจีนขยายตัวต่อเนื่อง กระแส "ไชน่าทราเวล" (China Travel) หรือ "ท่องเที่ยวจีน" ก็ยิ่งดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั่วโลก ปลดล็อกศักยภาพการไหลเวียนของผู้คน สินค้า และเงินทุนอย่างสอดประสาน ช่วยผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และวัฒนธรรมระหว่างจีน-ไทยให้ก้าวไปสู่คุณภาพที่สูงขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น และลึกซึ้งยิ่งขึ้น
(แฟ้มภาพซินหัว : การประชุม "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" เพื่อความร่วมมือและการพัฒนาของชาวจีนโพ้นทะเลและชาวจีนในต่างประเทศ ครั้งที่ 1 ในเทศบาลนครฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน วันที่ 17 ก.ค. 2025)