เยรูซาเล็ม, 11 ก.ค. (ซินหัว) -- คณะนักวิจัยของอิสราเอลและสหรัฐฯ พบว่าผู้คนมักให้คุณค่าต่อการตอบสนองด้วยความเห็นอกเห็นใจมากกว่า เมื่อพวกเขาเชื่อว่าการตอบสนองนั้นมาจากมนุษย์ แม้ว่าคำกล่าวเหล่านั้นจะถูกเขียนโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก็ตาม
แถลงการณ์จากมหาวิทยาลัยฮิบรูแห่งเยรูซาเล็มระบุว่าโมเดลภาษาขนาดใหญ่แสดงถึงทักษะทางอารมณ์และสังคมที่แข็งแกร่ง ซึ่งอาจปรับปรุงวิธีการที่ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์กับเอไอและวิธีที่เอไอให้การสนับสนุนทางอารมณ์ ทว่ายังไม่ชัดเจนว่าผู้คนรับรู้ถึงความเห็นอกเห็นใจจากเอไอในระดับเดียวกับที่รู้สึกจากมนุษย์หรือไม่
การศึกษาใหม่ที่เผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ ฮิวแมน บีเฮฟวิเออร์ มีผู้เข้าร่วมกว่า 6,200 คน ใน 9 การทดลอง โดยในแต่ละการทดลอง ผู้เข้าร่วมจะได้รับข้อความให้กำลังใจที่เขียนโดยโมเดลเอไอ ครึ่งหนึ่งได้รับแจ้งว่าข้อความให้กำลังใจนั้นมาจากมนุษย์ ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งได้รับแจ้งว่าข้อความนั้นมาจากแชทบอตเอไอ
การศึกษาพบว่าผู้เข้าร่วมที่เชื่อว่าข้อความนั้นมาจากมนุษย์จะให้คะแนนความห่วงใยและให้กำลังใจมากกว่า พวกเขายังมีอารมณ์เชิงบวกมากกว่าและมีอารมณ์เชิงลบน้อยกว่า แต่จะให้คะแนนต่ำลงหากคิดว่าเอไอช่วยเขียนข้อความของมนุษย์ โดยผู้เข้าร่วมยังเลือกการตอบสนองจากมนุษย์อย่างสม่ำเสมอเมื่อต้องการการสนับสนุนทางอารมณ์
นักวิจัยเตือนว่าการพึ่งพาเอไอมากเกินไปอาจทำให้คำพูดดูจริงใจน้อยลงและลดความเชื่อมโยงทางอารมณ์ แม้ว่าการตอบสนองของเอไอมักแสดงให้เห็นถึงอารมณ์อยู่บ้าง แต่กลับขาดสัมผัสของความเป็นมนุษย์
การศึกษาดังกล่าวช่วยพัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับความเห็นอกเห็นใจ โดยเฉพาะในปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเอไอ และช่วยแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์แบบใดที่ควรรักษาไว้ และแบบใดที่อาจถูกแทนที่ด้วยเอไอ ทั้งชี้ให้เห็นว่าหากเอไอเข้ามาแทนที่ปฏิสัมพันธ์ทางอารมณ์มากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่แท้จริงและเพิ่มความรู้สึกโดดเดี่ยว
(แฟ้มภาพซินหัว : หุ่นยนต์จัดแสดงที่การประชุมด้านเทคโนโลยีแห่งหนึ่งในเทศบาลนครเทียนจินทางตอนเหนือของจีน วันที่ 24 มิ.ย. 2022)