โตเกียว, 22 มิ.ย. (ซินหัว) -- เกียวโดนิวส์ สื่อมวลชนญี่ปุ่น อ้างอิงแหล่งข่าวทางการทูต รายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้กดดันญี่ปุ่นเพิ่มงบประมาณการป้องกันประเทศเป็นร้อยละ 3.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่มีแนวโน้มกระตุ้นรัฐบาลญี่ปุ่นยกเลิกการประชุมระดับสูงตามแผนการกับรัฐบาลสหรัฐฯ
รายงานระบุว่าข้อเรียกร้องจากสหรัฐฯ อาจทำให้ญี่ปุ่นยกเลิกการประชุมของผู้นำกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการป้องกันประเทศที่กำหนดจัดขึ้นในวอชิงตัน ซึ่งจะเป็นการหารือด้านความมั่นคงครั้งแรกนับตั้งแต่ชิเกรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าดำรงตำแหน่งในเดือนตุลาคมและมกราคม
ขณะไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่าญี่ปุ่นยกเลิกการประชุมในวันที่ 1 ก.ค. หลังจากเอลบริดจ์ โคลบีย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ เรียกร้องญี่ปุ่นเพิ่มงบประมาณการป้องกันประเทศเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน หลังจากเคยเรียกร้องลักษณะเดียวกันโดยกำหนดตัวเลขไว้ที่ร้อยละ 3 ของจีดีพี
ทั้งนี้ เมื่อปี 2022 ญี่ปุ่นตัดสินใจเพิ่มงบประมาณการป้องกันประเทศรายปีเป็นร้อยละ 2 ของจีดีพีภายในปี 2027 หลังจากทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในนโยบายการป้องกันประเทศของญี่ปุ่น
อย่างไรก็ดี ทรัมป์ยังคงตำหนิว่าสนธิสัญญาความมั่นคงสหรัฐฯ-ญี่ปุ่นนั้นไม่ยุติธรรม โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์วางแผนเรียกร้องญี่ปุ่น "จ่ายเงินเพิ่มขึ้น" อย่างชัดเจนสำหรับการประจำการกองกำลังทหารสหรัฐฯ ในญี่ปุ่น
(แฟ้มภาพซินหัว : ทิวทัศน์กรุงโตเกียวของญี่ปุ่น วันที่ 15 พ.ค. 2025)