จาการ์ตา, 26 พ.ค. (ซินหัว) -- การประชุมพิเศษทางออนไลน์ของรัฐมนตรีเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับอาเซียนที่สิ้นสุดเมื่อวันอังคาร (20 พ.ค.) ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศว่าการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน (CAFTA) เวอร์ชัน 3.0 นั้นเสร็จสิ้นลงแล้ว ถือเป็นก้าวสำคัญสู่การลงนามพิธีสารการปรับปรุงข้อตกลงฯ อย่างเป็นทางการภายในสิ้นปี 2025

ความคืบหน้าดังกล่าวตอกย้ำความแข็งแกร่งของการค้าเสรีและความร่วมมือที่เปิดกว้าง และช่วยเพิ่มความแน่นอนแก่การค้าระดับภูมิภาคและระดับโลก ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาและการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้น

เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน เวอร์ชัน 3.0 ไม่เพียงแต่ขยายกรอบงานที่มีอยู่เดิมเท่านั้น แต่ยังกำหนดข้อตกลงการค้าเสรีที่มีความครอบคลุม ทันสมัย และรอบด้านมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับความปรารถนาด้านการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย

ข้อตกลงเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน เวอร์ชัน 3.0 จะประกอบด้วย 9 หัวข้อใหม่ ครอบคลุมตั้งแต่เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว และการเชื่อมโยงด้านห่วงโซ่อุปทาน โดยจะแก้ไขปัญหาหลักในด้านการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมโลกและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ช่วยยกระดับการกำหนดกฎระเบียบให้สอดคล้องไปในทางเดียวกันและส่งเสริมการค้า เพื่อปูทางสู่การบูรณาการระดับภูมิภาคและการทำงานร่วมกันทางอุตสาหกรรมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ด้วยการสานต่อจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนที่มีอยู่เดิม และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)

ในฐานะกลุ่มเศรษฐกิจกำลังพัฒนาขนาดใหญ่ จีนและอาเซียนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของกันและกันมาหลายปีแล้ว โดยในช่วงไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) ของปี 2025 มูลค่าการค้าทวิภาคีพุ่งแตะ 1.71 ล้านล้านหยวน (ราว 7.74 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 จากปีก่อนหน้า คิดเป็นร้อยละ 16.6 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของจีน เศรษฐกิจที่เกื้อกูลกันอย่างมากของทั้งสองฝ่ายเป็นรากฐานสำคัญของความร่วมมือระดับภูมิภาค ซึ่งข้อตกลงเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน เวอร์ชัน 3.0 จะยิ่งช่วยเสริมสร้างความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทานผ่านการประสานกฎเกณฑ์ให้สอดคล้องกันเพื่อสนับสนุนเครือข่ายเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่มีเสถียรภาพและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ข้อตกลงฯ ยังช่วยสร้างสมดุลระหว่างกลยุทธ์มหภาคกับผลประโยชน์รากหญ้า โดยมีการกำหนดบทเฉพาะเกี่ยวกับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อลดความซับซ้อนของพิธีการศุลกากรและส่งเสริมการแบ่งปันข้อมูลเครดิต ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงโอกาสทางการค้าได้ โดยนโยบายการแข่งขันที่ได้รับการปรับปรุงและกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคช่วยส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมยิ่งขึ้น พร้อมทั้งสร้างงานในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น

ตั้งแต่การปรับลดภาษี การขยายการค้าภาคบริการ ไปจนถึงการบูรณาการแบบอิงตามกฎเกณฑ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น วิวัฒนาการของข้อตกลงเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนสะท้อนถึงความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นของภูมิภาค โดยนวัตกรรมเชิงสถาบันซึ่งมีรากฐานมาจากหลักการปรึกษาหารือ ความร่วมมือ และผลประโยชน์ร่วมกัน ได้กำหนดต้นแบบสำหรับความร่วมมือในหมู่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และอัดฉีดพลังใหม่สู่ธรรมาภิบาลระดับโลก

การขับเคลื่อนของจีนเพื่อการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง และการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจของอาเซียน สอดคล้องกับเป้าหมายของข้อตกลงเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน เวอร์ชัน 3.0 การปรับปรุงข้อตกลงครั้งนี้เสริมสร้างเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคผ่านการลดช่องว่างทางภูมิศาสตร์ สถาบัน และวัฒนธรรม การเจรจาที่สิ้นสุดลงนี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าการเปิดกว้างและผลประโยชน์ร่วมกันยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการเอาชนะความท้าทายระดับโลก

ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายทำงานเพื่อให้ขั้นตอนการให้สัตยาบันภายในประเทศและการลงนามพิธีสารเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นปีนี้ โดยระบบการค้าจีน-อาเซียนที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และยืดหยุ่นยิ่งขึ้นกำลังจะเกิดขึ้น และจะปลดล็อกศักยภาพในภูมิภาคและผลักดันอนาคตร่วมกัน ซึ่งความก้าวหน้านี้ไม่เพียงแต่เสริมแกร่งพหุภาคีนิยม แต่ยังช่วยฟื้นฟูการค้าเสรีระดับโลก อันเป็นการตอกย้ำว่าความร่วมมือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน

บทความก่อนหน้า

สำรวจเผยรมว.เกษตรคนใหม่ของญี่ปุ่น จุดความหวัง 'ราคาข้าว' ลดลง

บทความถัดไป

หลี่เฉียงเดินทางถึงมาเลเซีย เตรียมร่วมประชุมอาเซียน-GCC-จีน