หลานโจว, 25 พ.ค. (ซินหัว) -- บุคลากรจากกานซู่และไทยเข้าร่วมงานประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าด้วยการฉลองวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย และการเดินทางสำรวจวัฒนธรรมเส้นทางสายไหม ภายใต้แผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ที่จัดขึ้นในเมืองหลานโจวของมณฑลกานซู่ แสดงถึงความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างสองฝ่ายที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
หลายปีที่ผ่านมา มณฑลกานซู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนและไทยได้มีการแลกเปลี่ยนและร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดบ่อยครั้ง เดือนธันวาคมที่ผ่านมา กานซู่ได้จัดการประชุมส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าจีน (กานซู่) -ไทย ในกรุงเทพฯ และได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองมิตรภาพกับจังหวัดระยอง
ขณะเดียวกัน หอการค้าไทย-จีน กระทรวงสาธารณสุขของไทย และคณะผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลไทยประจำจีน ได้เดินทางเยือนกานซู่หลายครั้ง เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และวัฒนธรรมระหว่างสองฝ่ายให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
จางเป่าจวิน ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการต่างประเทศของรัฐบาลมณฑลกานซู่ เผยว่ากานซู่จะเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมวัฒนธรรมนานาชาติ (ตุนหวง) แห่งเส้นทางสายไหม ครั้งที่ 8 ในเดือนกันยายน 2025 โดยไทยได้ยืนยันว่าจะรับเกียรติเป็นประเทศเกียรติยศในงาน จางแสดงความหวังว่าจะมีองค์กรด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของไทย ตลอดจนนักท่องเที่ยวชาวไทย เดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ในกานซู่มากขึ้น
อนึ่ง กานซู่และไทยมีประวัติศาสตร์การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน โดยกานซู่ถือเป็น "ดินแดนทองคำ" ของเส้นทางสายไหม มีแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมระดับโลกมากมาย และมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ อาทิ ถ้ำหินแกะสลักโม่เกาในเมืองตุนหวง ถ้ำหินม่ายจีซาน ด่านเจียอวี้กวนของกำแพงเมืองจีน และอุทยานธรณีวิทยาจางเย่ตันเสีย หลายปีที่ผ่านมากานซู่จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยให้มาเยือน ขณะที่ไทยก็กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ชาวกานซู่ชื่นชอบเช่นกัน
จินตนา เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายสมาชิกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว และผู้จัดการทั่วไปของบริษัท อีสเทิร์น เพิล อินเตอร์เนชั่นแนล แทรเวิล แอนด์ เทรดดิง จำกัด เปิดเผยว่าปี 2025 นี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา มิตรภาพอันลึกซึ้งของสองประเทศถือเป็นความปรารถนาร่วมกันของประชาชน และนโยบายยกเว้นวีซ่าระหว่างสองประเทศก็ได้ผลักดันให้ทั้งการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของสองประเทศรุดหน้ายิ่งขึ้น
กานซู่และไทยไม่เพียงเชื่อมต่อกันทางภูมิศาสตร์เท่านั้น แต่ยัง "ใกล้ชิดกันเหมือนกับครอบครัว" เนื่องมาจากความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างผู้คน และทั้งสองฝ่ายยังมีโอกาสอีกมากสำหรับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรมประเพณีเขตร้อนของไทยแตกต่างกับวัฒนธรรมเส้นทางสายไหมและทิวทัศน์ธรรมชาติของกานซู่อย่างชัดเจน ความต่างนี้นำมาซึ่งศักยภาพมหาศาล ที่อาจทำให้สองฝ่ายกลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญระหว่างกัน
ในงานนี้ บริษัท กานซู่ คัลเชอรัล ทัวริซึม อินดัสทรี กรุ๊ป จำกัด (Gansu Cultural Tourism Industry Group) ได้แนะนำทรัพยากรการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบนเส้นทางสายไหมให้กับคณะผู้แทนไทย
หวังจื้อกัง รองผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวมณฑลกานซู่ ระบุว่าปัจจุบันไทยได้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในต่างประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของชาวกานซู่ การท่องเที่ยวระหว่างกานซู่และไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากในปี 2019 มีนักท่องเที่ยวจากกานซู่เดินทางไปไทยถึง 43,000 คน ขณะที่มีนักท่องเที่ยวไทยมาเยือนกานซู่เกือบ 7,000 คน และในปี 2024 ที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่มาเยือนกานซู่เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 10,000 คน
หวังกล่าวว่าภายใต้มาตรการสนับสนุนต่างๆ ความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างกานซู่กับไทยจะแนบแน่นยิ่งขึ้น นำมาซึ่งกระแสคึกคักแห่งการท่องเที่ยวระลอกใหม่ ทำให้ความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างทั้งสองฝ่ายจะมีอนาคตที่สดใสยิ่งขึ้น
(แฟ้มภาพซินหัว : บรรยากาศงานประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าด้วยการฉลองวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย และการเดินทางสำรวจวัฒนธรรมเส้นทางสายไหม ภายใต้แผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ในเมืองหลานโจวของมณฑลกานซู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน วันที่ 23 พ.ค. 2025)
(แฟ้มภาพซินหัว : บรรยากาศงานประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าด้วยการฉลองวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย และการเดินทางสำรวจวัฒนธรรมเส้นทางสายไหม ภายใต้แผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ในเมืองหลานโจวของมณฑลกานซู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน วันที่ 23 พ.ค. 2025)