จาการ์ตา, 22 พ.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันพุธ (21 พ.ค.) เจ้าหน้าที่จากกระทรวงพลังงานและทรัพยากรแร่ของอินโดนีเซีย กล่าวว่าอินโดนีเซียมีศักยภาพที่จะขึ้นแท่นเป็นจุดหมายการกักเก็บคาร์บอนหลักในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งสร้างโอกาสในการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน
เอดี วีโบโว ผู้อำนวยการฝ่ายพลังงานชีวภาพประจำสำนักงานพลังงานหมุนเวียนใหม่และการอนุรักษ์พลังงาน สังกัดกระทรวงฯ กล่าวว่าความจุการกักเก็บในชั้นน้ำเกลือใต้พิภพ (saline aquifer) หรืออ่างเก็บน้ำของอินโดนีเซีย สูงถึง 572.77 กิกะตัน นอกจากนี้ ความจุการกักเก็บในแหล่งน้ำมันและก๊าซที่หมดอายุแล้ว อยู่ที่ราว 4.85 กิกะตัน ทำให้อินโดนีเซียมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคสำหรับบริการกักเก็บคาร์บอน
วีโบโวกล่าวระหว่างการหารือที่การประชุมและนิทรรศการสมาคมปิโตรเลียมแห่งอินโดนีเซีย ปี 2025 ว่าการกักเก็บคาร์บอนจะมีบทบาทสำคัญในการลดคาร์บอนในภาคการผลิตไฟฟ้า การขนส่ง และอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ
ความพยายามของอินโดนีเซียในการบรรลุเป้าหมายนั้นครอบคลุมการเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งพลังงานหมุนเวียน การดำเนินการโครงการประสิทธิภาพพลังงาน และการเปลี่ยนผ่านสู่เชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ เช่น พลังงานชีวมวลจากขยะที่ไม่ใช่จากอาหารและเชื้อเพลิงจากขยะ
วีโบโวเสริมว่าอินโดนีเซียมีศักยภาพพลังงานหมุนเวียนใหม่มากกว่า 3,680 กิกะวัตต์ แต่จนถึงขณะนี้มีการนำมาใช้ประโยชน์เพียงร้อยละ 0.3 เท่านั้น สิ่งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับการลงทุนและพัฒนาในภาคพลังงานหมุนเวียน รัฐบาลกำลังเปิดทางให้มีการใช้พลังงานหมุนเวียนใหม่ในวงกว้าง โดยยังคงยึดหลักเศรษฐกิจและความยั่งยืนเป็นสำคัญ
(แฟ้มภาพซินหัว : ยานยนต์วิ่งอยู่บนถนนซูดีร์มานในเมืองจาการ์ตาของอินโดนีเซีย วันที่ 5 พ.ค. 2025)