ปักกิ่ง, 16 พ.ค. (ซินหัว) -- การแพร่หลายของโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขนาดใหญ่ อาทิ ดีปซีก (DeepSeek) และแชตจีพีที (ChatGPT) ทำให้นักศึกษาในมหาวิทยาลัยมีเครื่องมือที่สะดวกในการปรับแต่งและเพิ่มคุณภาพงานวิชาการด้วยความช่วยเหลือของเครื่องมือเอไอเหล่านี้ ซึ่งช่วยให้นักเรียนนักศึกษาสามารถผลิตงานที่ดูดีได้ภายในไม่กี่นาที
นักศึกษาแซ่ไช่คนหนึ่ง ซึ่งกำลังจะศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยอู่ฮั่นทางตอนกลางของจีน ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าได้ใช้ปัญญาประดิษฐ์ขณะเขียนวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาตรีของตน พร้อมระบุว่านักศึกษาในรุ่นเดียวกับตนใช้เอไอกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในการเขียนวิทยานิพนธ์และงานวิชาการอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดเวลา
การศึกษาในปี 2024 ที่ริเริ่มโดยมายคอส (MyCOS) บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านข้อมูลและที่ปรึกษาการจัดการอุดมศึกษา แสดงให้เห็นว่าเกือบร้อยละ 30 ของนักศึกษาในจีนใช้ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (generative AI) ในการเขียนรายงานหรือทำการบ้าน
ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษากังวลว่าการใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์ทำให้ผลงานมี "กลิ่นอายของปัญญาประดิษฐ์" อย่างชัดเจน ไม่เพียงแค่ในงานวิชาการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงงานวิชาอื่นๆ ในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในการป้องกันการทุจริตทางวิชาการ
ศาสตราจารย์ผู้สอนภาษาอังกฤษแซ่หลิวจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน บอกเล่ากับสำนักข่าวซินหัวว่าตนสังเกตเห็นร่องรอยของเนื้อหาที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์อย่างชัดเจนในวิทยานิพนธ์ของนักเรียนนักศึกษาของตน ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ขาดความลื่นไหลและไม่สอดคล้องกัน
การใช้ปัญญาประดิษฐ์ที่เพิ่มขึ้นในหมู่นักศึกษา ส่งผลให้มหาวิทยาลัยทั่วจีนออกกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น ตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัยฟู่ตั้นในเซี่ยงไฮ้ที่ได้ออกแนวปฏิบัติห้ามใช้เอไอโดยตรงในการสร้างเนื้อหาหลัก ส่วนคำขอบคุณ หรือส่วนอื่นๆ ของวิทยานิพนธ์ โดยมีสถาบันอื่นๆ หลายแห่งออกคำแนะนำลักษณะคล้ายกัน
ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์วิจัยปัญญาประดิษฐ์แห่งมหาวิทยาลัยชิงหัวในกรุงปักกิ่ง เน้นย้ำความสำคัญของการแยกแยะขอบเขตระหว่างความช่วยเหลือจากเอไอ กับการเขียนโดยเอไอ พร้อมระบุว่าเอไอสามารถจัดระเบียบวรรณกรรมวิจัย ให้แนวคิดในการเขียน และทำงานที่ซ้ำซากหรือง่ายแทนมนุษย์ได้ แต่ไม่สามารถใช้สร้างเนื้อหาของวิทยานิพนธ์ทั้งฉบับได้ เพราะถือเป็นการทุจริตทางวิชาการ
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยทั่วจีนกำลังประเมินสัดส่วนของเนื้อหาที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ในโครงการจบการศึกษา ขณะที่วารสารวิชาการหลายฉบับได้กำหนดแนวทางการใช้เอไออย่างเฉพาะเจาะจงในการส่งบทความ
ข่งหลินเทา เจ้าหน้าที่ดูแลงานวิชาการที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเทียนจิน เปิดเผยว่านอกเหนือจากการตรวจสอบการคัดลอกผลงานตามปกติสำหรับโครงการจบการศึกษาแล้ว มหาวิทยาลัยยังได้เพิ่มมาตรการตรวจจับเนื้อหาที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ เพื่อควบคุมการพึ่งพาเครื่องมือเหล่านี้มากเกินไป โดยกำหนดเพดานการคัดลอกผลงานไว้ที่ร้อยละ 30 และจำกัดการใช้เนื้อหาที่สร้างโดยเอไอไว้ไม่เกินร้อยละ 40 ซึ่งนักศึกษาที่มีผลงานเกินขีดจำกัดดังกล่าวจะได้รับคำเตือนอย่างเป็นทางการ
ข่งระบุว่าการกำหนดและจำกัดเหล่านี้สะท้อนถึงทัศนคติที่เปิดกว้างของมหาวิทยาลัยฯ ต่อยุคปัญญาประดิษฐ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อชี้แนะให้นักศึกษากลับมาเดินในเส้นทางของตนเอง
นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์การศึกษาแห่งกรุงปักกิ่ง เสนอแนวทางที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยระบุว่าสิ่งสำคัญคือการประเมินความคิดสร้างสรรค์ของผู้เขียนอย่างรอบคอบในตลอดกระบวนการตรวจสอบวิทยานิพนธ์ พร้อมแนะนำให้มหาวิทยาลัยเพิ่มขั้นตอนการสัมภาษณ์กับผู้เชี่ยวชาญ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญตั้งคำถามจากวิทยานิพนธ์และสนทนากับผู้เขียนเพื่อประเมินระดับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในวิทยานิพนธ์ของพวกเขา
แม้กฎหมายเกี่ยวกับปริญญาของจีนจะไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าการเขียนโดยปัญญาประดิษฐ์เป็นการทุจริตทางวิชาการ แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการให้ปัญญาประดิษฐ์เขียนเนื้อหาทั้งหมดถือเป็นการละเมิดจิตวิญญาณพื้นฐานของวงการวิชาการ เพราะไม่สะท้อนความคิดสร้างสรรค์และการมีส่วนร่วมของผู้เขียน
จ้าวจิงอู่ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายแห่งมหาวิทยาลัยเป่ยหาง เตือนว่าการให้ปัญญาประดิษฐ์เขียนงานทางวิชาการทั้งฉบับ เปรียบเสมือนกับการจ้างผู้อื่นเขียนแทน ซึ่งเป็นการบ่อนทำลายความซื่อตรงทางวิชาการและอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงในการรั่วไหลของข้อมูล
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังเน้นถึงบทบาทสำคัญของการแนะแนวโดยอาจารย์ในยุคเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยระบุว่ามหาวิทยาลัยควรให้ความสำคัญกับการสอนนักศึกษาให้ใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างมีความรับผิดชอบ เข้าใจข้อจำกัด และเน้นย้ำความสำคัญของการคิดวิเคราะห์
อาจารย์มหาวิทยาลัยแซ่เว่ยคนหนึ่งระบุว่าอาจารย์ควรมีปฏิสัมพันธ์กับนักศึกษามากขึ้น และให้คำแนะนำในแต่ละขั้นตอนของการทำวิจัย ไม่ใช่แค่ถามคำถามไม่กี่ข้อตอนส่งผลงาน และควรทำให้นักศึกษาเข้าใจว่าการทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์เป็นเหมือนการวิ่งมาราธอน และไม่สามารถพึ่งพาปัญญาประดิษฐ์ในการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วเพียงอย่างเดียว โดยการอ่านเอกสารประวัติศาสตร์ การลงพื้นที่ การรวบรวมข้อมูล และการทดลอง เป็นสิ่งที่มนุษย์ควรทำและจำเป็นต้องทำด้วยตนเอง
(แฟ้มภาพซินหัว : นักศึกษาเตรียมเข้าสนามสอบเพื่อสอบเรียนต่อระดับปริญญาโทประจำปี 2025 ในเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน วันที่ 21 ธ.ค. 2024)