ซิดนีย์, 15 ก.พ. (ซินหัว) -- นักวิจัยพบว่าพฤติกรรมของจระเข้ในออสเตรเลียกำลังเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากอุณหภูมิร่างกายของพวกมันเพิ่มสูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน

งานวิจัยข้างต้นได้รับการเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.) ที่ผ่านมา โดยมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ (UQ) ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บได้จากเซ็นเซอร์และอุปกรณ์ติดตามจระเข้น้ำเค็มป่าจำนวน 203 ตัว ในแม่น้ำหลายสายบนคาบสมุทรเคปยอร์กทางตอนเหนือสุดของออสเตรเลีย มาเป็นระยะเวลานาน 15 ปี

นักวิจัยพบว่าจระเข้มีช่วงเวลาที่อุณหภูมิร่างกายเกือบถึงหรือถึงขีดจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอุณหภูมิของร่างกายของจระเข้มีขีดจำกัดอยู่ที่ 32-33 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมินี้สามารถส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการดำน้ำและว่ายน้ำของพวกมัน

การศึกษาพบว่าตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา อุณหภูมิสภาพแวดล้อมสูงสุดที่จระเข้ต้องเผชิญนั้นเพิ่มสูงขึ้น 0.5 องศาเซลเซียส ขณะที่อุณหภูมิร่างกายของจระเข้โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.11 องศาเซลเซียส และในกลุ่มจระเข้ที่ถูกติดตามนั้นมีจระเข้ 45 ตัวที่เคยมีอุณหภูมิร่างกายเกิน 34 องศาเซลเซียส อย่างน้อยหนึ่งครั้ง

เนื่องจากจระเข้เป็นสัตว์เลือดเย็น พวกมันจึงไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้เอง แต่ต้องพึ่งพาสภาพแวดล้อมภายนอก เคทลิน บาร์แฮม ผู้ร่วมวิจัยจากคณะสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ระบุว่าสภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้นทำให้จระเข้ใช้เวลามากขึ้นไปกับพฤติกรรมการระบายความร้อนออกจากร่างกาย และเมื่อพวกมันต้องเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการระบายความร้อน กิจกรรมที่จำเป็นต่อการล่า เอาตัวรอดจากนักล่า หรือสืบพันธุ์ ก็จะลดลง

ขณะที่เครก แฟรงคลิน ผู้ร่วมวิจัยอีกราย กล่าวว่าจระเข้ที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าปกติจะดำน้ำได้ไม่นานเท่าเดิม ซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถในการซุ่มโจมตีเหยื่อ

ทั้งนี้ นักวิจัยระบุว่าขั้นตอนต่อไปของการวิจัยคือศึกษาว่าผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมของประชากรจระเข้ที่เกิดจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปนี้มีอะไรบ้าง

บทความก่อนหน้า

สดับลำนำประวัติศาสตร์ไปกับ 'ดินแดนแห่งบทกวี' ในฉงชิ่ง

บทความถัดไป

สิงคโปร์' เตรียมรับมือ หลังพบเคส 'หัวรุนแรง' เพิ่ม