เจนีวา, 7 ก.พ. (ซินหัว) -- เมื่อวันพฤหัสบดี (6 ก.พ.) โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เน้นย้ำความจำเป็นในการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอแผนเข้าควบคุมกาซา
ทรัมป์เสนอว่าสหรัฐฯ จะเข้าครอบครองกาซาและพัฒนากาซาใหม่หลังจากมีการย้ายชาวปาเลสไตน์ไปอยู่สถานที่อื่น แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการย้ายถิ่นฐาน ขณะแถลงข่าวร่วมกับเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ซึ่งเดินทางเยือนสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (4 ก.พ.) ที่ผ่านมา
เติร์กกล่าวในแถลงการณ์ที่ส่งให้กับสำนักข่าวซินหัวของจีน ระบุว่าเราจำเป็นต้องก้าวสู่ระยะถัดไปของการเจรจาหยุดยิงเพื่อปล่อยตัวประกันทั้งหมดและนักโทษที่ถูกคุมขัง ยุติสงคราม และบูรณะฟื้นฟูกาซา พร้อมกับเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างเต็มที่
เติร์กกล่าวว่ากฎหมายระหว่างประเทศนั้นชัดเจนอย่างมาก และย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างสันติภาพและความมั่นคงที่ยั่งยืนบนพื้นฐานของศักดิ์ศรีและความเท่าเทียมสำหรับทั้งชาวปาเลสไตน์และอิสราเอล
เติร์กเสริมว่าสิทธิในการกำหนดเจตจำนงของตนเองเป็นหลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ และต้องได้รับการคุ้มครองจากทุกประเทศ ขณะที่การบีบบังคับให้ย้ายถิ่นฐานหรือการขับไล่ผู้คนจากดินแดนที่ถูกยึดครองถือเป็นสิ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาด
(แฟ้มภาพซินหัว : ผู้ป่วยชาวปาเลสไตน์รอเดินทางไปยังจุดผ่านแดนราฟาห์ ที่โรงพยาบาลอัล-ชีฟาในกาซาซิตี วันที่ 1 ก.พ. 2025)
(แฟ้มภาพซินหัว : ผู้คนผิงไฟอบอุ่นร่างกายใกล้กับเต็นท์ที่พัก หลังฝนตกหนักในกาซาซิตี วันที่ 6 ก.พ. 2025)
(แฟ้มภาพซินหัว : โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน วันที่ 16 ม.ค. 2025)