กาฐมาณฑุ, 30 ก.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันอาทิตย์ (29 ก.ย.) เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงาน ทรัพยากรน้ำ และการชลประทานของเนปาล เปิดเผยว่าโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการชลประทานหลายแห่งของเนปาลพังเสียหายอย่างหนักจากเหตุน้ำท่วมและดินถล่มอันเกิดจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่ามูลค่าความเสียหายเบื้องต้นอยู่ที่ 4.35 พันล้านรูปีเนปาล (ราว 1.05 พันล้านบาท)
เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ ระบุว่าภัยพิบัติที่เกิดจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องระหว่างวันศุกร์และวันเสาร์ (27-28 ก.ย.) สร้างความเสียหายแก่โครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำและสายส่งไฟฟ้าราว 3 พันล้านรูปีเนปาล (ราว 725 ล้านบาท) รวมถึงโครงการควบคุมแม่น้ำและชลประทานราว 1.35 พันล้านรูปีเนปาล (ราว 326 ล้านบาท) โดยโรงไฟฟ้าและสายส่งไฟฟ้าที่พังเสียหายนำสู่การหยุดจ่ายไฟฟ้าในหลายพื้นที่ของประเทศ
เหตุน้ำท่วมสร้างความเสียหายแก่โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่เปิดทำการ 11 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 625.96 เมกะวัตต์ และบีบให้โรงไฟฟ้าที่เปิดทำการแห่งอื่นๆ ต้องปิดลง ส่งผลกระทบต่อการผลิตรวม 1,100 เมกะวัตต์ ซึ่งคิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของกำลังการผลิตทั้งหมดของโรงไฟฟ้าที่เปิดทำการในประเทศ ขณะเดียวกันเหตุน้ำท่วมยังสร้างความเสียหายแก่โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 15 แห่งด้วย
กุล มัน กีซิง กรรมการผู้จัดการขององค์การไฟฟ้าเนปาล เผยว่าการจัดการพลังงานให้เพียงพอสำหรับฤดูหนาวที่จะมาถึงกลายเป็นเรื่องท้าทายเพราะต้องใช้เวลาซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าที่พังเสียหาย โดยปกติเนปาลผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำได้เกินความต้องการในฤดูมรสุม แต่ผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำได้ราวหนึ่งในสามของทั้งหมดในฤดูแล้ง
ขณะเดียวกันกระทรวงกิจการภายในของเนปาลรายงานว่าเหตุน้ำท่วมและดินถล่มครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 170 ราย ผู้บาดเจ็บ 111 ราย และผู้สูญหาย 42 รายแล้ว เมื่อนับถึงคืนวันอาทิตย์ (29 ก.ย.) รวมถึงมีการช่วยเหลือผู้ประสบภัยราว 4,000 ราย
ด้านกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานและการขนส่งของเนปาลระบุว่าทางหลวง 47 จากทั้งหมด 80 สาย ยังคงไม่สามารถเปิดสัญจรได้ในปัจจุบัน
(แฟ้มภาพซินหัว : พื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในกรุงกาฐมาณฑุของเนปาล วันที่ 28 ก.ย. 2024)