สิงคโปร์, 21 ม.ค. (ซินหัว) -- สิงคโปร์เสนอมาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อควบคุมการใช้หน้าจอในหมู่เด็กที่ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนและโรงเรียน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มด้านสุขภาพโดยหลายกระทรวงที่เปิดตัวในวันอังคาร (21 ม.ค.)

แถลงการณ์ร่วมจากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและครอบครัวของสิงคโปร์ ระบุว่าตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. เป็นต้นไป ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนจะบังคับใช้กฎฉบับปรับปรุงที่สั่งห้ามการใช้หน้าจอสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 เดือน และจำกัดการใช้หน้าจอเฉพาะในการเรียนการสอนสำหรับเด็กอายุ 18 เดือนถึง 6 ปี

ทางการจะแนะนำให้ผู้สอนมุ่งให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่มีความหมายมากกว่าการทำกิจกรรมเนือยนิ่ง เช่น การใช้หน้าจอเป็นเวลานานหรือการนั่งเฉยๆ ขณะที่โรงเรียนประถมและมัธยมศึกษาได้นำมาตรการที่คล้ายคลึงนี้มาใช้ โดยกำหนดให้นักเรียนเก็บโทรศัพท์ในพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ในระหว่างการเรียน และจำกัดการใช้เครื่องมือสื่อสารให้อยู่ในช่วงเวลาหรือสถานที่ที่กำหนด เช่น ในช่วงพักหรือหลังเลิกเรียน

กระทรวงสาธารณสุขได้ปรับเปลี่ยนคำแนะนำสำหรับผู้ปกครอง โดยแนะนำให้เด็กอายุ 3-6 ปี ใช้หน้าจอไม่เกินวันละ 1 ชั่วโมง และเด็กอายุ 7-12 ปี ใช้หน้าจอไม่เกินวันละ 2 ชั่วโมง ซึ่งไม่นับรวมการบ้าน พร้อมกระตุ้นให้ผู้ปกครองจำกัดการเข้าถึงอุปกรณ์มือถือและสื่อสังคมออนไลน์ของเด็ก

มาตรการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการโกรว์ เวลล์ เอสจี (Grow Well SG) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ส่งเสริมสุขภาพระดับชาติใหม่ที่เปิดตัวโดย 3 กระทรวง โครงการนี้มุ่งส่งเสริมวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพและการดูแลป้องกันสำหรับเด็ก โดยให้ความสำคัญกับการปรับปรุงด้านโภชนาการ พฤติกรรมการนอน ประสบการณ์การเรียนรู้ และกิจกรรมทางร่างกาย

การวิจัยชี้ให้เห็นว่าการใช้หน้าจอมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางปัญญา ทักษะทางภาษา สุขภาพจิต และสุขภาพกายของเด็ก แม้เด็กส่วนใหญ่ในสิงคโปร์จะมีสุขภาพแข็งแรง แต่การใช้หน้าจอเป็นเวลานานและวิถีชีวิตแบบเนือยนิ่งยังคงเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อพัฒนาการโดยรวมของเด็ก

ปัจจุบันโครงการดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่เด็กอายุ 12 ปีหรือต่ำกว่า และมีแผนที่จะขยายไปยังกลุ่มอายุอื่นๆ มากขึ้นในอนาคต

บทความก่อนหน้า

เมียนมาเนรเทศ 'ผู้อพยพผิดกฎหมาย' กว่า 50,000 คนช่วงกว่า 1 ปี

บทความถัดไป

น้ำใส ธรรมชาติสวยที่ 'เกาะภูเขาไฟเหวยโจว' ในกว่างซี