กาซา, 15 ม.ค. (ซินหัว) -- ดร.คาลิด อัล-ไซดานี กุมารแพทย์วัย 51 ปี ออกเดินตรวจคนไข้ในแผนกกุมารเวชศาสตร์ของโรงพยาบาลอัล-อักซอด้วยขาจริงและขาเทียมอีกหนึ่งข้าง ซึ่งเป็นหลักฐานบ่งบอกถึงผลกระทบจากสงครามที่ทำลายล้างระบบสาธารณสุขของกาซา และสำหรับเขาแล้ว การเลือกเดินหน้าต่อในสายการแพทย์แม้สูญเสียขาจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลนั้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องเสียเวลาคิดลังเลเลยแม้แต่น้อย

"นี่คือภารกิจของผม" อัล-ไซดานีกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้เขาจะต้องเดินอย่างลำบากเพื่อทำงานในวอร์ด พร้อมระบุว่าถึงตนจะกลายเป็นผู้พิการ แต่เขาเป็นผู้มีประสบการณ์ทางการแพทย์ที่ชุมชนต้องการ

การโจมตีทางอากาศเมื่อหกเดือนก่อนทำให้อัล-ไซดานีต้องสูญเสียขาไปหนึ่งข้าง ทั้งยังทำลายบ้านในค่ายผู้ลี้ภัยอัล-บูเรจ และคร่าชีวิตสมาชิกในครอบครัวของเขาไปหลายคน เขากลายเป็นทั้งเหยื่อและผู้ดูแลในสงครามที่ทำลายชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วน เช่นเดียวกับชาวกาซาอีกหลายพันชีวิต

อัล-ไซดานีบอกเล่าว่าการโจมตีครั้งนั้นไร้ซึ่งการแจ้งเตือนล่วงหน้า ครอบครัวและตัวเขากลายเป็นผู้พลัดถิ่น ซ้ำไปกว่านั้นคือการที่เขาต้องกลายเป็นผู้พิการที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อัล-ไซดานีตกอยู่ในภาวะซึมเศร้านานหลายเดือน ช่วงเวลาอันมืดมนทำให้เขาตั้งคำถามว่าควรมีชีวิตต่อไปหรือไม่ หลายครั้งเขาหวังให้ตนเองเสียชีวิตไประหว่างการโจมตีเพราะรู้สึกว่าชีวิตสูญเสียคุณค่าทั้งหมดไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลในกาซาเผชิญความตึงเครียดจากวิกฤตทางการแพทย์และการขาดแคลนบุคลากรการแพทย์ อัล-ไซดานีจึงกลับมาทำงานอีกครั้งและใช้รถเข็นในช่วงแรก ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ขาเทียมที่ผลิตในท้องถิ่น ซึ่งแม้อาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่ขาเทียมข้างนี้ช่วยให้เขามีแรงบันดาลใจที่จะทำงานต่อไป

นอกจากสูญเสียขาไปหนึ่งข้างแล้ว ผลตรวจเผยว่าอัล-ไซดานียังมีอาการอุดตันของหลอดเลือดแดงอย่างรุนแรงในขาอีกข้างที่เหลือของเขา ซึ่งในกรณีเลวร้ายที่สุดอาจทำให้จำเป็นต้องตัดขาอีกข้าง แต่เขายังคงปฏิเสธที่จะละทิ้งหน้าที่ของตัวเอง

"ผมไม่สามารถทิ้งโรงพยาบาลได้ โดยเฉพาะเมื่อผมเป็นกุมารแพทย์ และยังคงมีเด็กๆ ต้องการการดูแลเป็นพิเศษในช่วงสงคราม" อัล-ไซดานีกล่าว

อนึ่ง กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์เปิดเผยว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2023 ภายหลังการโจมตีของกลุ่มฮามาสที่คร่าชีวิตผู้คนในอิสราเอลราว 1,200 คน ส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 46,000 ราย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 1.09 แสนคน โดยผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก

สำหรับอัล-ไซดานี การกลับมาทำงานไม่ใช่เพียงการปฏิบัติตามหน้าที่ทางวิชาชีพ แต่ยังทำให้เขากลับมามีความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกครั้ง และตัวเขาจะยังคงทำงานต่อไปไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม

บทความก่อนหน้า

ร้านรวงใน 'เยาวราช' คึกคัก วางขายของตกแต่งรับตรุษจีน

บทความถัดไป

เกียวโต' จ่อขึ้นภาษีที่พัก หลังเจอปัญหานทท.ล้นเมือง