วอชิงตัน, 28 ธ.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันศุกร์ (27 ธ.ค.) ตัวแทนของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยื่นเอกสารทางกฎหมายเรียกร้องให้ศาลสูงสุดสหรัฐฯ ชะลอการแบนติ๊กต็อกเพื่อให้มีระยะเวลาสำหรับการเจรจาหาข้อยุติ

เอกสารดังกล่าวระบุว่าทรัมป์คัดค้านการแบนติ๊กต็อกโดยทันทีในสหรัฐฯ และหวังที่จะแก้ไขปัญหานี้ด้วยวิธีการทางการเมืองหลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี โดยทรัมป์มีทักษะการเจรจาต่อรองและมีเจตจำนงทางการเมืองที่จะหาทางออกผ่านการเจรจา ซึ่งจะช่วยแก้ไขข้อกังวลด้านความมั่นคงของชาติของรัฐบาล ขณะที่ยังคงรักษาแพลตฟอร์มนี้ไว้ได้

เมื่อไม่นานนี้ทรัมป์เปิดเผยว่าเขาอาจอนุญาตให้ติ๊กต็อกดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ ต่อไป ขณะเขาเข้าร่วมงานที่จัดโดยเทิร์นนิง พอยต์ ยูเอสเอ (Turning Point USA) องค์กรอนุรักษ์นิยม ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนาของสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ (22 ธ.ค.) ที่ผ่านมา

ทรัมป์กล่าวว่าติ๊กต็อกที่เป็นแอปพลิชันแบ่งปันวิดีโอยอดนิยมอาจช่วยให้เข้าถึงกลุ่มผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงบางส่วนที่สำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดี และแสดงความเป็นไปได้ของการอนุญาตให้ติ๊กต็อกดำเนินงานต่อไป "อีกสักพักหนึ่ง"

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกกฎหมายที่ให้เวลากับไบต์แดนซ์เพียง 270 วันในการจำหน่ายกิจการของติ๊กต็อก โดยอ้างอิงประเด็นความมั่นคงของชาติที่ไม่มีมูลความจริง ซึ่งหากไบต์แดนซ์ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว ผู้ให้บริการร้านค้าแอปพลิเคชันอย่างแอปเปิลและกูเกิลต้องถอดติ๊กต็อกออกจากแพลตฟอร์ม

ต่อมาเดือนพฤษภาคม ติ๊กต็อกยื่นฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อระงับคำสั่งแบนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง และเมื่อต้นเดือนธันวาคม ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยกฟ้องคำกล่าวอ้างของติ๊กต็อกที่ว่าคำสั่งแบนขัดต่อรัฐธรรมนูญ

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ติ๊กต็อกและไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของติ๊กต็อก เรียกร้องศาลสูงสุดสหรัฐฯ ระงับกฎหมายนี้ชั่วคราว เนื่องจากจะเป็นการปิดหนึ่งในแพลตฟอร์มแสดงออกทางคำพูดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของอเมริกาก่อนวันสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี และปิดปากชาวอเมริกันจำนวนมากที่ใช้แพลตฟอร์มนี้สื่อสารเกี่ยวกับการเมือง การค้า ศิลปะ และประเด็นอื่นๆ ที่สาธารณชนสนใจ

ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ศาลสูงสุดสหรัฐฯ เห็นพ้องจะทบทวนคำร้องจากติ๊กต็อกและไบต์แดนซ์เพื่อระงับกฎหมายข้างต้น

บทความก่อนหน้า

กานซู่เดินหน้าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์กลางทะเลทราย

บทความถัดไป

ปูตินเล็งประสานงาน DPRK รับมือภัยคุกคาม-ความท้าทายในปี 2025