นิวยอร์ก, 29 พ.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันพฤหัสบดี (28 พ.ย.) รายงานจากวอล สตรีต เจอร์นัล (WSJ) เปิดเผยว่ากลุ่มผู้อพยพเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเติบโตของกำลังแรงงานและการจ้างงานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาของสหรัฐฯ และแผนการของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ อาจกระทบปัจจัยการเติบโตนี้
รายงานระบุว่าการจ้างงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 170,000 อัตราต่อเดือนในปี 2024 โดยการประมาณชี้ให้เห็นว่าการจ้างงานอาจเติบโตลดลง 25,000-100,000 อัตราในปี 2025 ขึ้นอยู่กับว่าทรัมป์วางแผนปราบปรามการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและส่งตัวผู้อพยพที่ไม่ได้รับอนุญาตกลับประเทศอย่างไร
สำนักงานงบประมาณแห่งสภาคองเกรส (CBO) เปิดเผยว่ากลุ่มผู้อพยพได้เพิ่มจำนวนประชากรสหรัฐฯ ราว 10 ล้านคนนับตั้งแต่ปี 2021 โดยมีผู้อพยพน้อยกว่า 1 ใน 3 ที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างถูกกฎหมายด้วยวีซ่าผู้อพยพ วีซ่าทำงาน วีซ่านักเรียน หรือวีซ่าผู้ลี้ภัย และผู้อพยพจำนวนมากข้ามพรมแดนโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตหรืออยู่เกินวีซ่า โดยมักขออยู่อาศัยต่อด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรมหลังจากเข้าสหรัฐฯ มาแล้ว
ด้านกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ เผยว่าก่อนคลื่นการอพยพครั้งประวัติศาสตร์นี้ มีผู้อพยพผิดกฎหมายราว 11 ล้านคนอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ เมื่อนับถึงปี 2022 ด้านสถาบันนโยบายการย้ายถิ่นของสหรัฐฯ รายงานว่าประชากรที่ไม่มีเอกสารอนุญาตราว 3 ล้านคนอยู่ในกลุ่ม "ดรีมเมอร์" (Dreamers) หรือผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายซึ่งถูกพามายังสหรัฐฯ ตั้งแต่ยังเด็กและเติบโตขึ้นที่นี่
รายงานระบุว่ากลุ่มผู้อพยพข้างต้นทำให้เกิดข้อโต้แย้งเกี่ยวกับนโยบายการอพยพและชายแดนของสหรัฐฯ และเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะการเลือกตั้ง ทว่าสมาชิกหน้าใหม่เหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจ" รายงานระบุ
รายงานทิ้งท้ายว่าทรัมป์สัญญาว่าจะ "ยุติการรุกราน" ผู้อพยพที่ไม่ได้รับอนุญาตและจะเริ่ม "ปฏิบัติการเนรเทศผู้อพยพครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ" โดยทรัมป์ได้ให้รายละเอียดเอาไว้เพียงเล็กน้อยว่าจะบรรลุเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่งได้อย่างไร แต่ตำแหน่งประธานาธิบดีมีอำนาจกว้างขวางในการจำกัดช่องทางต่างๆ ที่ผู้อพยพใช้เพื่อเข้าสู่สหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้
(แฟ้มภาพซินหัว : ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันติดตามผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 ในเมืองฟอร์ตลอเดอร์เดล รัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ วันที่ 6 พ.ย. 2024)