วอชิงตัน, 8 พ.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันศุกร์ (7 พ.ย.) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่าจะไม่มีเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศจี20 (G20) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นที่แอฟริกาใต้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยเขากล่าวอ้างผ่านแพลตฟอร์มทรูธ์ โซเชียล อีกครั้งว่าชาวแอฟริกันเนอร์ (Afrikaner) ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อยในแอฟริกาใต้ กำลังถูกเข่นฆ่าสังหารหมู่และยึดคืนที่ดินอยู่อาศัยทำกินอย่างผิดกฎหมาย พร้อมเสริมว่าเฝ้ารอการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศจี20 ปี 2026 ในเมืองไมอามีของรัฐฟลอริดา
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับแอฟริกาใต้เกิดขึ้นหลังจากทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดีในช่วงปลายเดือนมกราคมได้ไม่นาน โดยเขาลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อระงับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ สู่แอฟริกาใต้ในเดือนกุมภาพันธ์ กล่าวหาว่ากฎหมายเวนคืน (Expropriation Act) ซึ่งเป็นกฎหมายปฏิรูปที่ดินที่ไซริล รามาโฟซา ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ลงนามในเดือนมกราคม เป็น "การเลือกปฏิบัติ" กับประชาชนคนผิวขาวในแอฟริกาใต้ และเคยประกาศว่าจะไม่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศจี20 ในแอฟริกาใต้
ทั้งนี้ แอฟริกาใต้ตอบโต้คำกล่าวหาจากสหรัฐฯ ว่าคำสั่งฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ที่ระงับความช่วยเหลือสู่แอฟริกาใต้นั้นขาดความถูกต้องตามข้อเท็จจริงและไม่ได้รับรู้ถึงประวัติศาสตร์การถูกล่าอาณานิคมและแบ่งแยกสีผิวอันแสนเจ็บปวดของแอฟริกาใต้
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุว่าเขาจะคว่ำบาตรการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศจี20 ในแอฟริกาใต้เพราะเกิด "สิ่งเลวร้าย" ในแอฟริกาใต้ รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์การให้ความสำคัญกับ "ความสามัคคี ความเท่าเทียม และความยั่งยืน" ของการประชุมสุดยอดครั้งนี้
ต่อมาเดือนมีนาคม รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งขับไล่อิบราฮิม ราซูล เอกอัครราชทูตแอฟริกาใต้ประจำสหรัฐฯ ในเวลานั้น ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีย่ำแย่กว่าเดิม และเกิดขึ้นหลังจากราซูลกล่าวปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์
หลังจากนั้นเดือนพฤษภาคม ทรัมป์เผชิญหน้ากับรามาโฟซา ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ณ ทำเนียบขาว พร้อมกล่าวถึงทฤษฎีสมคบคิด "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนผิวขาว" ในแอฟริกาใต้ ซึ่งรามาโฟซาปฏิเสธอย่างหนักแน่น
ตอนนั้นรามาโฟซา ซึ่งเดินทางเยือนสหรัฐฯ เพื่อปรับปรุงการค้าและผ่อนปรนความตึงเครียดระดับทวิภาคี ได้ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของทรัมป์ที่ว่าคนผิวขาวกำลังหนีออกจากแอฟริกาใต้เพราะนโยบายเหยียดสีผิว และชี้ว่าเหยื่ออาชญากรรมส่วนใหญ่ในแอฟริกาใต้เป็นคนผิวดำ

(แฟ้มภาพซินหัว : รัฐสภาสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ วันที่ 5 พ.ย. 2025)