วอชิงตัน, 6 พ.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันพุธ (5 พ.ย.) ฌอน ดัฟฟี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าสำนักบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) เตรียมลดปริมาณการจราจรทางอากาศร้อยละ 10 ใน 40 พื้นที่ เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ (7 พ.ย.) ขณะที่การชัตดาวน์หรือการปิดการดำเนินงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อนานที่สุดในประวัติศาสตร์ดำเนินต่อเนื่อง
ดัฟฟี่เผยว่าเราไม่อาจเพิกเฉยต่อเหตุการณ์นี้และจะไม่รอให้ปัญหาด้านความปลอดภัยเกิดขึ้น ขณะที่สัญญาณเบื้องต้นบ่งชี้ว่าควรดำเนินการตั้งแต่ตอนนี้เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์แย่ลง
ดัฟฟี่กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ร่วมกับไบรอัน เบดฟอร์ด ผู้อำนวยการสำนักบริหารฯ ว่าการปรับลดปริมาณการจราจรครั้งนี้อาจนำสู่การยกเลิกเที่ยวบินเพิ่มขึ้น แต่เราจะร่วมมือกับสายการบินต่างๆ เพื่อดำเนินการอย่างเป็นระบบ
ด้านเบดฟอร์ดระบุว่าการลดกำลังการบินตามตารางร้อยละ 10 ถือว่าเหมาะสม เพื่อช่วยลดแรงกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ควบคุมการบิน และสำนักบริหารฯ จะมีมาตรการเสริมในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เมื่อพบสัญญาณเตือนด้านบุคลากรเพิ่มเติม พร้อมเสริมว่าในประสบการณ์ 35 ปีในวงการการบินของตน ไม่เคยมีสถานการณ์ใดที่ทำให้สำนักบริหารฯ ต้องใช้มาตรการลักษณะนี้มาก่อน
นับตั้งแต่การปิดการดำเนินงานของรัฐบาลเริ่มขึ้น เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศราว 13,000 คน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานราว 50,000 คน ถูกบังคับให้ทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง โดยจำนวนพนักงานที่ขอลาหยุดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนบุคลากรในอุตสาหกรรมการบินอย่างรุนแรง ซึ่งยิ่งซ้ำเติมปัญหาเที่ยวบินล่าช้าในหลายภูมิภาค และสร้างความกังวลกรณีความปลอดภัยด้านการบิน
ข้อมูลของไฟลท์อะแวร์ (FlightAware) เว็บไซต์ติดตามเที่ยวบินของสหรัฐฯ เผยว่าปัจจุบันเที่ยวบินหลายพันเที่ยวบินทั่วประเทศประสบปัญหาล่าช้าทุกวัน โดยในวันอังคาร (4 พ.ย.) มีเที่ยวบินภายในสหรัฐฯ รวมถึงเที่ยวบินขาเข้าและขาออกล่าช้ากว่า 4,000 เที่ยว ส่วนเมื่อวันจันทร์ (3 พ.ย.) มีเที่ยวบินล่าช้าเกือบ 5,000 เที่ยว

(แฟ้มภาพซินหัว : เครื่องบินขึ้นบินจากท่าอากาศยานนานาติจอห์น เอฟ. เคนเนดีในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ วันที่ 5 พ.ย. 2025)









