เมลเบิร์น, 4 พ.ย. (ซินหัว) -- วารสารเนเจอร์ เมดิซีน (Nature Medicine) เผยแพร่ผลการศึกษาจากคณะนักวิจัยของออสเตรเลียและนานาชาติ ซึ่งระบุว่าการเดินวันละ 5,000-7,500 ก้าว อาจช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงของสมองที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์
คณะนักวิจัยได้ติดตามกลุ่มผู้ใหญ่ อายุ 50-90 ปี ผู้มีการทำงานของสมองปกติ จำนวน 294 คน เป็นระยะเวลานานถึง 14 ปี เพื่อเฝ้าติดตามจำนวนก้าวเดินในแต่ละวัน การทำงานของสมอง และการสะสมของโปรตีนในสมองที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์
กิจกรรมทางกายภาพที่เพิ่มขึ้นสัมพันธ์กับการทำงานของสมองเสื่อมถอยช้าลง ซึ่งเชื่อมโยงกับการสะสมตัวช้าลงของโปรตีนในสมองที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ โดยผู้แสดงสัญญาณของโรคอัลไซเมอร์ระยะแรกอาจชะลอการพัฒนาของโรคด้วยการออกกำลังกายเบาๆ ทุกวัน
เหล่าผู้เข้าร่วมการศึกษาครั้งนี้ที่เดินมากกว่า 5,000 ก้าวต่อวัน มีแนวโน้มความจำและการคิดเสื่อมถอยช้ากว่า ซึ่งเชื่อมโยงกับการสะสมตัวลดลงของโปรตีนเทาว์ (tau) ที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการของโรคอัลไซเมอร์
คณะนักวิจัยระบุว่าการสะสมตัวของโปรตีนเทาว์และกระบวนการรู้คิดอยู่ในระดับอิ่มตัวเมื่อเดิน 5,001-7,500 ก้าวต่อวัน หรือการออกกำลังกายเพียงเล็กน้อยอย่างเดิน 3,000-5,000 ก้าวต่อวัน ยังเชื่อมโยงกับการสะสมตัวของโปรตีนเทาว์และกระบวนการรู้คิดเสื่อมถอยช้าลงอย่างชัดเจน
ผลการศึกษานี้เน้นย้ำเป้าหมายการทำกิจกรรมทางกายภาพที่ไม่ยากเกินไปอาจช่วยกระตุ้นผู้สูงอายุที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกายหันมาออกกำลังกายเพิ่มขึ้น ควบคู่กับการใช้งานอุปกรณ์ดิจิทัลแบบสวมใส่ที่แพร่หลายอย่างสมาร์ตวอตช์หรือนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ
อนึ่ง การศึกษาข้างต้นจัดทำโดยคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นของออสเตรเลีย โรงพยาบาลแมส เจเนอรัล บริกแฮมในเครือคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดของสหรัฐฯ และมหาวิทยาลัยโตรอนโตของแคนาดา

(แฟ้มภาพซินหัว : คนถ่ายภาพสิ่งจัดแสดงบริเวณริมทะเลในเมืองซิดนีย์ของออสเตรเลีย วันที่ 24 ต.ค. 2025)