วอชิงตัน, 17 ต.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันพฤหัสบดี (16 ต.ค.) หอการค้าสหรัฐฯ ยื่นฟ้องรัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กรณีปรับขึ้นค่าธรรมเนียมสำหรับยื่นคำร้องขอวีซ่าเฮช-1บี (H-1B) เป็น 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.25 ล้านบาท) โดยระบุว่าค่าธรรมเนียมนี้จะทำให้นายจ้างสหรัฐฯ เผชิญต้นทุนสูงเกินไปสำหรับการดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถจากทั่วโลก
คำฟ้องร้องชี้ว่าค่าธรรมเนียมใหม่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากขัดต่อกฎหมายการตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติที่ควบคุมวีซ่าประเภทเฮช-1บี รวมถึงข้อกำหนดที่ว่าค่าธรรมเนียมจะต้องอิงตามต้นทุนที่รัฐบาลใช้ในการประมวลผลวีซ่า
นีล แบรดลีย์ รองประธานบริหารและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายนโยบายประจำหอการค้าสหรัฐฯ กล่าวว่าค่าธรรมเนียมวีซ่าใหม่ 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.25 ล้านบาท) จะทำให้นายจ้างในสหรัฐฯ โดยเฉพาะธุรกิจสตาร์ตอัป และธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง เผชิญอุปสรรคจากต้นทุนที่พุ่งสูงในการใช้วีซ่าประเภทเฮช-1บี ซึ่งเป็นระบบวีซ่าที่สภาคองเกรสกำหนดขึ้นเพื่อรับประกันว่าธุรกิจของชาวอเมริกันทุกขนาด สามารถเข้าถึงบุคลากรมีความสามารถจากทั่วโลกที่จำเป็นต่อการเติบโตของธุรกิจในสหรัฐฯ
แบรดลีย์กล่าวว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น ไม่ใช่ลดลง เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมเสริมว่าประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าเขาต้องการฝึกอบรม ดึงดูด และรักษาบุคลากรที่เก่งและมีความสามารถที่สุดในโลกไว้ในสหรัฐฯ และหอการค้าเองก็มีเป้าหมายเดียวกันนั้น
หอการค้าสหรัฐฯ ระบุว่าวีซ่าเฮช-1บี เป็นการเสริมกำลังให้กับแรงงานสหรัฐฯ เพิ่มค่าจ้างและประสิทธิภาพ ส่งเสริมนวัตกรรมและสตาร์ตอัป และการทำให้การขอวีซ่าดังกล่าวยากขึ้นนั้นตรงกันข้ามกับเป้าหมายข้างต้น
อนึ่ง เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ทรัมป์ได้ลงนามในประกาศขึ้นค่าธรรมเนียมที่บริษัทต่างๆ ต้องจ่ายเพื่อสนับสนุนผู้สมัครวีซ่าเฮช-1บี เป็นจำนวนเงิน 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.25 ล้านบาท) จากเดิมหลักพันดอลลาร์สหรัฐ
สื่อสหรัฐฯ รายงานว่าค่าธรรมเนียมที่สูงนี้จะส่งผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ อาทิ แอมะซอน (Amazon) ไมโครซอฟต์ (Microsoft) และกูเกิล (Google) ซึ่งพึ่งพาโครงการวีซ่าประเภทเฮช-1บี มานานในการจ้างบุคลากรต่างชาติ อาทิ นักพัฒนาซอฟต์แวร์
ทั้งนี้ ซีบีเอส (CBS) รายงานว่าแผนดังกล่าวอาจส่งผลให้บริษัทสหรัฐฯ ย้ายงานไปต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในสาขาเฉพาะทาง เช่น การวิจัยและพัฒนา และอาจทำให้จำนวนนักศึกษาต่างชาติที่เลือกเรียนในสหรัฐฯ ลดลงด้วย

(แฟ้มภาพซินหัว : ผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนสนามหญ้าด้านหน้าอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ วันที่ 15 ต.ค. 2025)