ลอนดอน, 16 ต.ค. (ซินหัว) -- สำนักงานสถิติแห่งชาติสหราชอาณาจักรเผยว่าจำนวนคู่รักในอังกฤษและเวลส์ที่แต่งงานหรืออยู่ในความสัมพันธ์ตามกฎหมาย ลดลงต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรวัยผู้ใหญ่เป็นครั้งแรก โดยคู่สมรสหรือคู่ชีวิตที่จดทะเบียนยังคงเป็นสถานะความสัมพันธ์ทางกฎหมายที่พบได้มากที่สุดในสหราชอาณาจักร แต่สัดส่วนของผู้ที่อยู่ในความสัมพันธ์ดังกล่าวลดลงจากร้อยละ 51.1 ในปี 2014 เหลือร้อยละ 49.5 ในปี 2024
สำนักงานฯ ระบุว่าคู่สมรสหรือคู่ชีวิตที่จดทะเบียนในกลุ่มอายุ 25-34 ปี และ 55-59 ปี มีสัดส่วนที่ลดลงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปี 2014
มูลนิธิการสมรส (The Marriage Foundation) ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลเพื่อส่งเสริมการแต่งงานที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวของจีนว่าแนวโน้มอันน่าหดหู่นี้จะยังคงดำเนินต่อไป จนกว่าจะมีนโยบายจากรัฐบาลหรือวัฒนธรรมสังคมที่กลับมาให้ความสำคัญกับการแต่งงานอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน จำนวนคู่รักที่อาศัยอยู่ร่วมกันโดยไม่แต่งงานหรือจดทะเบียนทางกฎหมาย กลับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 60.5 ของประชากรผู้ใหญ่ในปี 2024
แฮร์รี่ เบนสัน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของมูลนิธิการสมรส เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่าตัวเลขนี้สะท้อนแนวโน้มขาลงระยะยาวที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970 โดยคนรวยยังคงแต่งงานกัน ในขณะที่กลุ่มคนที่มีฐานะทางเศรษกิจและสังคมต่ำที่สุดแต่งงานกันน้อยลงกว่าครึ่ง และในกลุ่มคนยากจนที่สุดนั้นแต่งงานกันน้อยกว่าหนึ่งในห้า
เบนสันอ้างอิงงานวิจัยล่าสุดเผยว่าพ่อแม่ในสหราชอาณาจักรมีแนวโน้มที่จะอยู่ด้วยกันมากขึ้นหากแต่งงานกัน ไม่ว่าจะมาจากภูมิหลังใดก็ตาม การแต่งงานช่วยให้คู่รักหลุดพ้นจากความยากจน แต่นโยบายสวัสดิการอันย้อนแย้งเรากลับลงโทษคู่รักที่แต่งงานด้วยการตัดสิทธิประโยชน์ของพวกเขา
เบนสันกล่าวว่าระดับครอบครัวแตกแยก (family breakdown) ที่สูงเป็นประวัติการณ์ส่วนใหญ่เกิดจากความสัมพันธ์ที่ไม่เคยทำให้เป็นทางการผ่านการแต่งงานหรือการจดทะเบียนคู่ชีวิต ข้อสรุปจากจิตวิทยาและข้อมูลนั้นเรียบง่ายชัดเจน นั่นคือหากต้องการอยู่ด้วยกันให้นาน จงแต่งงาน

(แฟ้มภาพซินหัว : คนนอนอาบแดดที่สวนสาธารณะในกรุงลอนดอนของสหราชอาณาจักร วันที่ 1 ก.ค. 2025)