ลอสแอนเจลิส, 15 ต.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (13 ต.ค.) เคลลีย์ บลู บุ๊ก (Kelley Blue Book) บริษัทประเมินมูลค่าและวิจัยยานยนต์ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าราคายานยนต์ใหม่เฉลี่ยของสหรัฐฯ ในเดือนกันยายนแตะที่ 50,080 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.63 ล้านบาท) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขทะลุระดับ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.6 ล้านบาท)
รายงานระบุว่าตัวเลขในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 จากเดือนสิงหาคม และสูงขึ้นร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งถือว่าสูงสุดนับตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปี 2023 แต่ยังคงสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยระยะยาวของอัตราเงินเฟ้อ
บริษัทฯ ระบุว่าราคายานยนต์ใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมานานกว่าหนึ่งปี และเร่งตัวขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พร้อมชี้ว่าขณะที่ยานยนต์รุ่นปี 2026 เริ่มวางจำหน่าย ราคาจำหน่ายปลีกที่แนะนำโดยผู้ผลิต (MSRP) โดยเฉลี่ยของยานยนต์ใหม่ได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ในเดือนกันยายนที่ 52,183 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.7 ล้านบาท) ซึ่งตัวเลขนี้ในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบปีต่อปี เกินกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว
เอริน คีทิง นักวิเคราะห์อาวุโสจากคอกซ์ ออโตโมทีฟ (Cox Automotive) ระบุว่าตลาดยานยนต์สหรัฐฯ ที่เชื่อมโยงกับภาวะเงินเฟ้อ ได้รับแรงหนุนจากครัวเรือนฐานะมั่งคั่งที่เข้าถึงเงินทุนและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เอื้อประโยชน์ ซึ่งส่งเสริมกลุ่มตลาดระดับสูง
คีทิงระบุว่าสิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าตลาดยานยนต์ใหม่เป็นตลาดที่มีลักษณะเงินเฟ้อ ราคาจะปรับสูงขึ้นตามเวลา โดยภาษีเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยที่ไปเพิ่มแรงกดดันด้านต้นทุน แต่สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาพุ่งสูงในเดือนกันยายนมาจากสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของยานยนต์ไฟฟ้า และยานยนต์ระดับพรีเมียมที่ผลักดันให้ค่าเฉลี่ยสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
เมื่อวันจันทร์ (13 ต.ค.) ฟอร์บส์ (Forbes) รายงานว่าภาษียานยนต์ทำให้ต้นทุนและความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น ก่อเกิดความเสี่ยงที่อาจทำให้การผลิตหยุดชะงัก และทำให้ค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคสูงขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อยอดจำหน่าย
อนึ่ง ช่วงก่อนหน้าในปีนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษีขั้นพื้นฐานร้อยละ 25 สำหรับยานยนต์ที่ผลิตนอกสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคายานยนต์เพิ่มขึ้นถึง 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.95 แสนบาท) สำหรับยานยนต์ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.3 ล้านบาท)
(แฟ้มภาพซินหัว : ผู้คนเยี่ยมชมรถยนต์ระหว่างงานลอสแอนเจลิส ออโต โชว์ 2024 รอบสื่อมวลชน ในนครลอสแอนเจลิสของสหรัฐฯ วันที่ 21 พ.ย. 2024)