กรุงเทพฯ, 12 ต.ค. (ซินหัว) -- ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน "วรพรรณ ขจรวีรพันธ์" ได้เห็นการพัฒนาอย่างรวดเร็วของธุรกิจอีคอมเมิร์ซขณะศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่จีน จึงมีความคิดกลับไปทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่บ้านเกิด ปัจจุบันวรพรรณในวัย 32 ปี กลายเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท คุมะ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเธอและสามีร่วมก่อตั้งและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระดาษและสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง โดยอาศัยแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซช่วยผลักดันยอดจำหน่าย
วรพรรณให้สัมภาษณ์ว่าช่วงแรกสังคมไทยยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในผู้ประกอบการหญิงมากนัก ทำให้ผู้หญิงมักต้องใช้เวลามากขึ้นในการสร้างสายสัมพันธ์ความร่วมมือ แต่ต่อมาสังคมไทยเริ่มเปิดรับผู้ประกอบการหญิงเพิ่มขึ้น หลังจากมีผู้ประกอบการหญิงปรากฏตัวอยู่ตามอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้น โดยผู้ประกอบการหญิงมีความละเอียดอ่อนมากกว่า ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบในการจัดวางตำแหน่งของสินค้าในตลาด การสร้างแบรนด์ และการทำการตลาด
การที่มีผู้ประกอบการหญิงอยู่ในวงการธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ความสวยความงาม เสื้อผ้า และอื่นๆ เพิ่มขึ้นนั้นไม่เพียงส่งเสริมความหลากหลายในตลาด แต่ยังเสริมส่งอิทธิพลต่อกระแสการบริโภคและรสนิยมของคนไทยรุ่นใหม่ โดยวรพรรณเสริมว่าผู้ประกอบการหญิงไม่จำเป็นต้องได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษตราบเท่าที่มีความเท่าเทียมทางเพศ
ช่วงไม่กี่ปีมานี้ ไทยได้บังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศและจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ โดยข้อมูลจากองค์กรเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) ระบุว่าสัดส่วนผู้หญิงที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในไทยนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและโลก บรรดาบริษัทขนาดกลางในไทยมีผู้บริหารเป็นผู้หญิงถึงร้อยละ 32
วรพรรณเสริมว่าสัดส่วนพนักงานหญิงในบริษัทของเธอเพิ่มขึ้นทุกปี มีพนักงานหญิงในฝ่ายบัญชี การบริหารธุรกิจอีคอมเมิร์ซ คลังสินค้า และรถบรรทุก ขณะเดียวกันวรพรรณยอมรับว่าการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานกับชีวิตครอบครัวเป็นเรื่องท้าทายไม่น้อย บางครั้งเธอถึงกับต้องพาลูกน้อยวัยสองเดือนมาที่ทำงานด้วย การเริ่มต้นธุรกิจจึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้หญิงที่มีครอบครัว