เมลเบิร์น, 9 ต.ค. (ซินหัว) -- ผลการศึกษานำโดยมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นของออสเตรเลียซึ่งเผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ วอเตอร์ (Nature Water) เมื่อวันพุธ (8 ต.ค.) ระบุว่าโรงบำบัดน้ำเสียปล่อยก๊าซแอมโมเนียสู่ชั้นบรรยากาศมากกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
ทีมนักวิจัยระบุว่าแม้ภาคเกษตรกรรมจะเป็นแหล่งปล่อยก๊าซแอมโมเนียสู่ชั้นบรรยากาศมากที่สุด แต่ลานตากตะกอนซึ่งเป็นส่วนประกอบทั่วไปในโรงบำบัดน้ำเสียนั้นปล่อยก๊าซแอมโมเนียออกมาเช่นกัน และมักถูกมองข้ามในกระบวนการดำเนินงานของระบบบำบัดน้ำเสีย
ผลวิจัยบ่งชี้ว่าก๊าซแอมโมเนียที่ปล่อยออกมาจากกระบวนการตากตะกอน สามารถเปลี่ยนสภาพเป็นก๊าซไนตรัสออกไซด์ (Nitrous oxide) ซึ่งเป็นก๊าซที่มีประสิทธิภาพในการสร้างภาวะเรือนกระจกและก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ความเป็นกรดของดิน การสะสมสารอาหารในน้ำ และการก่อตัวของอนุภาคขนาดเล็กที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าแอมโมเนียเป็นก๊าซที่มีคุณสมบัติ "เกาะติด" หมายความว่ามีความไวต่อปฏิกิริยาสูงและสามารถดูดซับติดกับพื้นผิวต่างๆ ได้ง่าย
นักวิจัยใช้เทคนิคการติดตามขั้นสูงและประเมินว่ามีการปล่อยก๊าซแอมโมเนียราว 43 ตันจากลานตากตะกอน ตลอดรอบการตากตะกอนระยะ 2 ปี คิดเป็นเกือบร้อยละ 95 ของการปล่อยก๊าซไนโตรเจนทั้งหมดจากลานตากตะกอน และร้อยละ 6-9 ของไนโตรเจนทั้งหมดที่ปล่อยจากโรงบำบัดน้ำเสีย
ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการทบทวนแนวทางการจัดการน้ำเสียใหม่ โดยควรเปลี่ยนไปใช้วิธีการตากตะกอนรูปแบบอื่นเพื่อลดการปล่อยก๊าซแอมโมเนีย และรับมือกับผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศและระบบนิเวศในวงกว้าง

(แฟ้มภาพซินหัว : ระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์ที่โรงบำบัดน้ำเสียในหุบเขาบารอสซา รัฐเซาท์ออสเตรเลียของออสเตรเลีย วันที่ 11 มิ.ย. 2025)