จาการ์ตา, 9 ต.ค. (ซินหัว) -- เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานและทรัพยากรแร่ธาตุอินโดนีเซีย กล่าวว่าอินโดนีเซียจะทยอยลดปริมาณการใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าจากสัดส่วนปัจจุบันที่ร้อยละ 55 เหลือราวร้อยละ 30 ภายในปี 2050 โดยจะเปลี่ยนผ่านไปสู่แหล่งพลังงานสะอาดและหมุนเวียนมากขึ้น
ซีตี ซูมีลาห์ รีตา ซูซีลาวาติ เลขานุการสำนักอธิบดีกรมแร่และถ่านหิน กล่าวว่าถ่านหินยังคงเป็นแหล่งพลังงานหลักและจะยังคงมีบทบาทในโครงสร้างพลังงานของอินโดนีเซียจนถึงปี 2050 แต่บริษัทพีที เปรูซาฮานน์ ลิสตริก เนการา (PT PLN) ได้รับคำสั่งให้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ระบบอัลตรา-ซูเปอร์ คริติคอล (ultra-supercritical) ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างมีนัยสำคัญ
รีตายอมรับว่าเป้าหมายของอินโดนีเซียในการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2060 ไม่สามารถทำได้เพียงแค่การลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเท่านั้น โดยรัฐบาลกำลังให้ความสำคัญในการผสมผสานพลังงานและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
รีตาเสริมว่าการลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างเช่นในภาคการถลุงแร่ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี โดยทางการได้สั่งการให้โรงถลุงแร่หันมาใช้พลังงานใหม่และพลังงานหมุนเวียนเป็นแหล่งพลังงานหลักแล้ว
ทั้งนี้ อินโดนีเซียตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ร้อยละ 8 ในปี 2029 พร้อมเดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และการบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2060

(แฟ้มภาพซินหัว : โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ลอยน้ำซีราตา จังหวัดชวาตะวันตกของอินโดนีเซีย วันที่ 9 พ.ย. 2023)