ซานฟรานซิสโก, 8 ต.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันอังคาร (7 ต.ค.) โครงการคอสต์ส ออฟ วอร์ (Costs of War Project) ของสถาบันวัตสันเพื่อกิจการระหว่างประเทศและสาธารณะ สังกัดมหาวิทยาลัยบราวน์ เผยแพร่การศึกษาระบุว่าตลอดระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่เกิดความขัดแย้งในกาซาขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2023 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ใช้เงินจำนวน 2.17 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.05 แสนล้านบาท) สนับสนุนด้านการทหารแก่อิสราเอล
การศึกษาฉบับดังกล่าวระบุว่าภายใต้การบริหารของทั้งรัฐบาลไบเดนและทรัมป์ สหรัฐฯ ได้ตกลงทำสัญญาขายอาวุธและบริการที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะทยอยชำระเงินในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
การศึกษาข้างต้นเผยว่าอาวุธที่สหรัฐฯ จัดหาให้ถือเป็นกำลังหลักในการปฏิบัติการของกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) และตำรวจอิสราเอลในกาซา เขตเวสต์แบงก์ และพื้นที่อื่นๆ โดยอาวุธส่วนใหญ่ที่อิสราเอลใช้อยู่ในปัจจุบันในกาซาและทั่วภูมิภาคตะวันออกกลางมาจากคลังแสงที่ผลิตในสหรัฐฯ
เมื่อพิจารณาจากขนาดของการใช้จ่ายในปัจจุบันและอนาคต การศึกษาชี้ให้เห็นว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอลคงไม่สามารถสร้างความเสียหายวงกว้างขนาดนี้ในกาซา หรือขยายปฏิบัติการทางทหารไปทั่วภูมิภาคได้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงิน อาวุธยุทโธปกรณ์ และแรงหนุนทางการเมืองจากสหรัฐฯ
รายงานฉบับเสริมได้ประเมินว่าสหรัฐฯ ใช้งบประมาณเพิ่มเติมอีกราว 9.65 พันล้าน-1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.13-3.92 แสนล้านบาท) ในปฏิบัติการทางทหารในเยเมนและพื้นที่อื่นๆ ของภูมิภาค ซึ่งเกิดขึ้นหรือดำเนินเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลนับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2023 ทำให้ยอดการใช้จ่ายทั้งหมดของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมาอยู่ที่ราว 3.13-3.37 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.02-1.1 ล้านล้านบาท) และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โครงการคอสต์ส ออฟ วอร์ระบุว่าเมื่อนับถึงช่วงก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน 2025 กระทรวงสาธารณสุขของกาซารายงานยอดผู้เสียชีวิตรวม 67,075 ราย และผู้บาดเจ็บ 169,430 ราย ซึ่งตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตรวมกัน 236,505 รายนี้ คิดเป็นมากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรกาซาก่อนเกิดสงคราม อีกทั้งมีประชาชนอย่างน้อย 5.27 ล้านคนที่ต้องพลัดถิ่นหรืออพยพออกจากบ้านเรือนในกาซา อิหร่าน อิสราเอล เลบานอน และเขตเวสต์แบงก์ นับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2023 ซึ่งรวมถึงเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีราว 1.85 ล้านคน
โครงการดังกล่าวเผยอีกว่าระหว่างปี 2020-2024 ผู้รับเหมาเอกชนได้รับสัญญาจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มูลค่ารวม 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 78 ล้านล้านบาท) คิดเป็นราวร้อยละ 54 ของงบประมาณรายจ่ายตามดุลยพินิจของกระทรวงฯ ทั้งหมด 4.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 143 ล้านล้านบาท)

(ภาพจากกองกำลังป้องกันอิสราเอล : เจ้าหน้าที่ทหารของกองทัพอิสราเอลลงพื้นที่ปฏิบัติการในฉนวนกาซา วันที่ 16 ก.ย. 2025)