
เจนีวา, 8 ต.ค. (ซินหัว) -- องค์การการค้าโลก (WTO) ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของปริมาณการค้าโลกในปี 2025 เป็นร้อยละ 2.4 จากเดิมที่คาดไว้ร้อยละ 0.9 เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และปรับลดคาดการณ์ของปี 2026 เหลือร้อยละ 0.5 จากเดิมร้อยละ 1.8
รายงานแนวโน้มและสถิติการค้าโลกฉบับล่าสุดขององค์การฯ คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 ในปี 2025 และร้อยละ 2.6 ในปี 2026 โดยปริมาณการค้าโลกซึ่งวัดจากค่าเฉลี่ยของการส่งออกและนำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 เมื่อเทียบปีต่อปีในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2025
องค์การฯ ระบุว่าการเติบโตที่แข็งแกร่งนี้เป็นผลมาจากหลายปัจจัย เช่น การเร่งนำเข้าสินค้าในอเมริกาเหนือก่อนการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ภาวะเงินเฟ้อลดลงและนโยบายการคลังที่เอื้อต่อเศรษฐกิจ การเติบโตอย่างมั่นคงของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ และการค้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ขยายตัว
การค้าในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน มูลค่าการค้าระหว่างความร่วมมือใต้-ใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบปีต่อปีในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ซึ่งสูงกว่าการเติบโตร้อยละ 6 ของมูลค่าการค้าโลกโดยรวม โดยสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเอไอ อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์โทรคมนาคมมีบทบาทสำคัญ คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของการเติบโตทางการค้าทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว ขณะที่มูลค่าการค้าของสินค้าเหล่านี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปีต่อปี
เอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวียลา ผู้อำนวยการใหญ่องค์การฯ กล่าวว่าแม้เผชิญอุปสรรคจากมาตรการฝ่ายเดียวของสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน แต่การค้ายังคงแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่น ซึ่งสะท้อนว่าระบบการค้าพหุภาคียังคงมีแกนหลักที่ดำเนินการได้เป็นอย่างดี
รายงานระบุว่าความเสี่ยงหลักที่อาจส่งผลลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจคือการแพร่ขยายของมาตรการจำกัดทางการค้าและความไม่แน่นอนของนโยบายที่ขยายครอบคลุมกลุ่มเศรษฐกิจและภาคส่วนอื่นๆ มากขึ้น พร้อมเตือนว่าราคานำเข้าที่สูงขึ้นและการขนส่งสินค้าที่ชะลอตัวอาจเป็นสัญญาณของภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2025 เนื่องจากปริมาณสินค้าคงคลังลดลงในภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการภาษี
ผลประกอบการทางการค้าแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละภูมิภาค โดยคาดว่าการส่งออกของเอเชียและแอฟริกาจะเติบโตเร็วที่สุดในปี 2025 ขณะที่ยุโรปมีแนวโน้มเติบโตช้าลง และอเมริกาเหนืออาจเผชิญกับการส่งออกที่ลดลง โดยแม้การเติบโตของการส่งออกภาคบริการจะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากมาตรการภาษี แต่คาดว่าจะชะลอตัวจากร้อยละ 6.8 ในปี 2024 เหลือร้อยละ 4.6 ในปี 2025 และลดลงต่อเนื่องเป็นร้อยละ 4.4 ในปี 2026
ทั้งนี้ รายงานคาดว่ายุโรปจะเป็นผู้นำการเติบโตของการส่งออกภาคบริการในปี 2025 ตามมาด้วยเอเชีย ตะวันออกกลาง และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS)