เมลเบิร์น, 7 ต.ค. (ซินหัว) -- สถาบันอาร์เอ็มไอที (RMIT) ในเมืองเมลเบิร์นของออสเตรเลีย เปิดเผยว่าการทดสอบจรวดที่นำโดยทีมวิจัยจากออสเตรเลียพบว่าแบคทีเรียที่มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพมนุษย์สามารถอยู่รอดจากแรงสั่นสะเทือนรุนแรงในช่วงการปล่อยและกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศได้ จุดประกายความหวังสำหรับภารกิจเดินทางไปดาวอังคารในอนาคต
แม้หลายหน่วยงานอวกาศทั่วโลกมีแผนจะส่งทีมลูกเรือหรือนักบินอวกาศไปดาวอังคารภายในไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า แต่อุปสรรคสำคัญคือการรักษาชีวิตบนดาวเคราะห์สีแดง หากจุลชีพที่จำเป็นต่อร่างกายตายไประหว่างเที่ยวบินสู่อวกาศ
สถาบันฯ ระบุว่านักวิจัยได้ส่งสปอร์ของแบคทีเรียบาซิลลัส ซับทิลิส (Bacillus subtilis) ซึ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ระบบลำไส้ และการไหลเวียนของเลือดขึ้นไปยังอวกาศด้วยจรวดที่ปล่อยจากในสวีเดน
รายงานระบุว่าอุปกรณ์บรรทุก (payload) ที่บรรทุกขึ้นไป สามารถทนแรงเร่งสูงถึง 13 เท่าของแรงโน้มถ่วงโลก อยู่ในสภาพไร้น้ำหนักนานกว่า 6 นาที และรับแรงกระแทกสูงถึง 30 แรงจี (g-force) ระหว่างการกลับสู่โลก พร้อมทั้งหมุนถึง 220 รอบต่อวินาที
หลังการกู้คืน สปอร์ของแบคทีเรียดังกล่าวยังคงสามารถเจริญเติบโตได้ตามปกติ และโครงสร้างไม่เปลี่ยนแปลง แสดงให้เห็นว่าแบคทีเรียที่สำคัญต่อสุขภาพมนุษย์สามารถอยู่รอดจากการเดินทางในอวกาศได้ และบ่งชี้ว่าผู้เชี่ยวชาญสามารถออกแบบระบบสนับสนุนการดำรงชีวิตสำหรับนักบินอวกาศให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้พวกเขามีสุขภาพแข็งแรงระหว่างการเดินทางระยะยาว
นักวิจัยระบุว่างานวิจัยนี้ช่วยเพิ่มพูนความเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตสามารถทนต่อสภาวะสุดขั้วได้อย่างไร ซึ่งเป็นข้อมูลล้ำค่าสำหรับภารกิจเดินทางสู่ดาวอังคารและนอกเหนือจากนั้นในอนาคต
การวิจัยนี้จัดทำร่วมกับรีเสิร์ชแซต (ResearchSat) บริษัทเทคโนโลยีอวกาศ และนูเมดิโค เทคโนโลยีส์ (Numedico Technologies) บริษัทเทคโนโลยีด้านการนำส่งยา ซึ่งเป็นการวิจัยที่มีศักยภาพต่อยอดไปสู่การพัฒนาด้านชีวเทคโนโลยีและการต่อสู้กับแบคทีเรียดื้อยาด้วยเช่นกัน

(ภาพจากองค์การนาซา : กระจุกกาแล็กซีสแมกส์ 0723 ที่ถ่ายโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ เผยแพร่วันที่ 11 ก.ค. 2022)