เปียงยาง, 5 ต.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันเสาร์ (4 ต.ค.) คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (DPRK) เรียกร้องให้พัฒนาขีดความสามารถทางการทหารของประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ ขณะร่วมพิธีเปิดนิทรรศการยุทโธปกรณ์ทางทหาร
สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) รายงานในวันอาทิตย์ (5 ต.ค.) ว่าคิมจองอึน เลขาธิการใหญ่พรรคแรงงานเกาหลี และประธานคณะกรรมาธิการกิจการแห่งรัฐของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี กล่าวสุนทรพจน์ในงานนิทรรศการความก้าวหน้าด้านการป้องกันประเทศ ปี 2025 (Defence Development-2025) โดยเขาระบุว่านิทรรศการนี้จัดแสดงผลงานล่าสุดของโครงการสำคัญต่างๆ ที่มุ่งปรับปรุงโครงสร้างขีดความสามารถทางการทหารของประเทศให้ทันสมัย โดยมีการป้องปรามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (nuclear deterrent) เป็นแกนหลัก
คิมจองอึนย้ำว่าขีดความสามารถทางการทหารของประเทศจะต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีจะต้องไม่ปล่อยให้ความก้าวหน้าด้านการป้องกันประเทศชะลอตัวลงเป็นอันขาด
เขากล่าวด้วยว่าการซ้อมรบในรูปแบบต่างๆ ที่สหรัฐฯ ดำเนินการในนามของแนวปฏิบัติเพื่อการทำปฏิบัติการทางนิวเคลียร์นั้น ถือเป็น "ภัยคุกคามที่แท้จริงและร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศของเราและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค"
คิมจองอึนกล่าวว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีกำลังจับตาดูการวางกำลังยุทโธปกรณ์ด้านการโจมตีเชิงยุทธศาสตร์และการลาดตระเวนของสหรัฐฯ ทั้งภายในและรอบๆ คาบสมุทรเกาหลีอย่างใกล้ชิด รวมถึงการระดมกำลังเพื่อทำปฏิบัติการทางทหารอันเป็นปรปักษ์ พร้อมเสริมว่าสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้มีการใช้ "มาตรการที่ชัดเจนหลายประการ"
"หากสหรัฐฯ ยังคงดื้อดึงที่จะเคลื่อนไหวอย่างสุ่มเสี่ยง ผ่านการเสริมกำลังทหารของตนโดยเพิกเฉยต่อข้อกังวลด้านความมั่นคงของรัฐต่างๆ ในภูมิภาคอย่างโจ่งแจ้ง การกระทำเช่นนี้จะยิ่งกระตุ้นให้เราต้องดำเนินมาตรการทางทหารและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อขจัดภัยคุกคามใหม่ๆ และรักษาไว้ซึ่งสมดุลแห่งอำนาจ" คำกล่าวของคิมจองอึน
(ภาพจากสำนักข่าวกลางเกาหลี : คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (DPRK) ขณะวางพวงมาลา ณ หอคอยมิตรภาพจีน-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ในกรุงเปียงยางของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2025 เนื่องในวาระครบรอบ 72 ปีแห่งชัยชนะในสงครามปลดปล่อยปิตุภูมิ)