
ปักกิ่ง, 3 ต.ค. (ซินหัว) -- ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งของจีน ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเผยแพร่ผ่านวารสารความยั่งยืนทางธรรมชาติ (Nature Sustainability) พบว่ากิจกรรมของมนุษย์และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเร่งการปล่อยปรอทจากตะกอนไหล่ทวีป ซึ่งเป็นแหล่งปรอทในทะเลขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
รายงานระบุว่าปรอทนั้นเป็นมลพิษร้ายแรงที่สามารถสะสมอยู่ในห่วงโซ่อาหารและก่อให้เกิดความเสี่ยงร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์ทั่วโลก โดยตะกอนในมหาสมุทรถือเป็นแหล่งกักเก็บปรอทถาวรมานานแล้ว ทว่า "ไหล่ทวีป" ซึ่งมีปริมาณปรอทมากที่สุดในมหาสมุทร กำลังเผชิญความเสี่ยงปล่อยปรอทออกมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
คณะนักวิจัยได้พัฒนาชุดข้อมูลความละเอียดสูงและโมเดลเชิงกระบวนการ ซึ่งหาปริมาณการกักเก็บปรอทของไหล่ทวีปทั่วโลกอย่างแม่นยำและเผยความแปรปรวนที่เกิดจากการลากอวนหน้าดินและกระบวนการเกี่ยวกับภูมิอากาศ ทำให้พบว่าไหล่ทวีปกักเก็บปรอทเกือบ 1,300 ตันต่อปี สูงกว่าการประเมินก่อนหน้านี้ของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ถึง 6 เท่า
หวังเสวียจวิน ผู้ร่วมเขียนผลการศึกษา กล่าวว่าไหล่ทวีปทำหน้าที่เหมือน "ไต" ของมหาสมุทร ช่วยกรองปรอทพิษออกจากน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และลดภัยคุกคามต่อการประมงชายฝั่งและสุขภาพของมนุษย์ ทว่ากิจกรรมการลากอวนหน้าดินและการขุดลอกกำลังกลายเป็น "มีดผ่าตัด" ที่สร้างความเสียหายแก่การทำหน้าที่กรองปรอทพิษนี้
คณะนักวิจัยยังหาปริมาณผลกระทบโดยตรงจากกิจกรรมของมนุษย์ โดยการลากอวนหน้าดินและการขุดลอกได้รบกวนปรอทในตะกอนมากกว่า 5,000 ตันต่อปี สูงกว่าปริมาณปรอทที่ถูกฝังกลบในแต่ละปีถึง 4 เท่า
ขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังทำให้สถานการณ์แย่ลง อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้เกิดการปล่อยปรอทจากตะกอนเพิ่มขึ้น โดยโมเดลจำลองบ่งชี้ว่าหากโลกร้อนขึ้น 1.5-5 องศาเซลเซียส การปล่อยปรอทจากตะกอนสู่น้ำตามธรรมชาติอาจเพิ่มขึ้นร้อยละ 6-21 ภายในสิ้นศตวรรษนี้
ผลการศึกษาระบุว่ามหาสมุทรที่อุ่นขึ้นอาจเร่งการสลายตัวของสารอินทรีย์ในตะกอน ซึ่งกระตุ้นการปล่อยปรอทมากขึ้น โดยกระบวนการนี้อาจรวมกับสภาพอากาศเลวร้ายสุดโต่งที่เกิดบ่อยขึ้น นำสู่การปล่อยปรอทออกมาเพิ่มขึ้นอีกมาก
หลิวเม่าเตี้ยน ผู้ร่วมเขียนผลการศึกษาอีกคน กล่าวว่าการลากอวนหน้าดินในก้นทะเลอาจเร่งการปล่อยปรอทโบราณที่ฝังอยู่มานานหลายทศวรรษหรือหลายศตวรรษ หาก "ปรอทมรดก" เหล่านี้ถูกปลดปล่อยออกมา อาจหวนกลับเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารและก่อให้เกิดความเสี่ยงขึ้นมาใหม่
หลิวเสริมว่าการปกป้องแหล่งกักเก็บปรอทในไหล่ทวีปเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ เปรียบเสมือนเกราะป้องกันสุขภาพของมนุษย์และผู้พิทักษ์ระบบนิเวศทางทะเล ซึ่งการคุ้มครองแนวปราการสุดท้ายนี้ต้องอาศัยการบูรณาการการจัดการปรอท นโยบายการประมง และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

(แฟ้มภาพซินหัว : ชาวประมงเก็บหอยนางรมที่ฟาร์มแห่งหนึ่งในเมืองหรงเฉิง มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน วันที่ 11 พ.ย. 2024)