ไทเป/ปักกิ่ง, 1 ต.ค. (ซินหัว) -- ข้อเสนอใหม่เกี่ยวกับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่เสนอโดยสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงในไต้หวัน หลังจากฮาวเวิร์ด ลัทนิค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ เผยในบทสัมภาษณ์ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังกดดันให้เกาะไต้หวันของจีนย้ายการลงทุนและกำลังการผลิตชิปบางส่วนไปยังสหรัฐฯ เพื่อให้สหรัฐฯ สามารถผลิตชิปได้เองภายในประเทศครึ่งหนึ่ง
ลัทนิคยังชี้ว่าสหรัฐฯ ได้หารือกับเจ้าหน้าที่พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ของไต้หวัน เกี่ยวกับการแบ่งผลิตเซมิคอนดักเตอร์ออกเป็น "50-50" ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ ลดการพึ่งพาไต้หวันในด้านการผลิตชิปลงอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมชี้ว่าชิปของเราร้อยละ 95 ผลิตห่างออกไป 9,000 ไมล์ (ราว 14,000 กิโลเมตร) ในขณะที่จีน "ไม่ลังเล" ที่จะขู่ "ยึด" ไต้หวัน
การเปิดเผยข้อเสนอของลัทนิคเรียกกระแสคัดค้านทันทีในไต้หวัน สื่อหลายสำนักบนเกาะไต้หวันเผยแพร่บทความประณามข้อเสนอนี้ โดยระบุว่าเป็นข้ออ้างให้สหรัฐฯ แสวงหาผลประโยชน์ และเตือนว่าอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนบนเกาะไต้หวัน
ไชน่า ไทมส์ (China Times) หนังสือพิมพ์รายวันในไทเปเผยว่าชาวเน็ตแสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อข้อเสนอดังกล่าว บางคนมองว่าแทบจะเป็นการปล้นอย่างโจ่งแจ้ง บรรดานักวิชาการและนักการเมืองบางคนออกมาตอบโต้ข้อเสนอข้างต้นอย่างรุนแรงเช่นกัน
หลิวต้าเหนียน นักวิชาการจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจจงหัวในไต้หวัน กล่าวว่าทีเอสเอ็มซี (TSMC) บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ยักษ์ใหญ่ของไต้หวัน ได้ตกลงลงทุนมูลค่า 1.65 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.34 ล้านล้านบาท) เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปในรัฐแอริโซนาของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการลงทุนในต่างแดนครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัทฯ ทว่าปัญหาการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะในสหรัฐฯ กำลังกลายเป็นความท้าทายตั้งแต่ก่อนโรงงานจะเริ่มดำเนินการ และแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่สหรัฐฯ จะเพิ่มกำลังการผลิตชิปได้
ดาร์สัน ฉิว อาจารย์พิเศษจากมหาวิทยาลัยตงไห่ของไต้หวัน กล่าวว่าเป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายสหรัฐฯ จะดำเนินนโยบายที่มุ่งควบคุมกลุ่มประเทศหรือภูมิภาคที่ประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจหรือในภาคส่วนเฉพาะทาง พร้อมชี้ว่าความต้องการชิปที่สูงขึ้นในปัจจุบันเป็นผลมาจากความพยายามหลายปีของอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานของไต้หวัน แต่สหรัฐฯ กลับใช้ทุกวิถีทางบ่อนทำลายสถานะดังกล่าว ซึ่งข้อเสนอ "50-50" เป็นการแบล็กเมล์รูปแบบที่จะส่งผลเสียต่อทั้งไต้หวันและทีเอสเอ็มซี
ล่ายเจิ้งอี้ ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าไต้หวันระบุว่าเซมิคอนดักเตอร์คือเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจไต้หวัน และการกระจายกำลังการผลิตต้องมีความสมเหตุสมผล พร้อมสำทับว่าการย้ายกำลังการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ร้อยละ 50 ของไต้หวันไปยังสหรัฐฯ นั้นขัดต่อหลักการค้าเสรี โดยหากกำลังการผลิตหรือห่วงโซ่อุปทานถูกย้ายไปยังสหรัฐฯ ไต้หวันมีแนวโน้มจะสูญเสียผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีขั้นสูง 2 แสนคนและผู้บริโภคที่มีกำลังซื้ออีกกว่า 1 ล้านคน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของไต้หวัน
ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าว่าเอาอกเอาใจสหรัฐฯ เกินไป พร้อมเตือนว่าอย่ายอมสละผลประโยชน์ของไต้หวัน
ด้านเฉิงเสี้ยนอิ๋ง อดีตวิศวกรของทีเอสเอ็มซี กล่าวว่าการที่เจ้าหน้าที่พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้ายอมโอนอ่อนต่อข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ อย่างเต็มที่นั้นทำให้ไต้หวันเสียเปรียบในการพัฒนากำลังการผลิตและห่วงโซ่อุปทานสำคัญ และแท้จริงแล้ว สันติภาพและเสถียรภาพคือนโยบายอุตสาหกรรมที่ดีที่สุด โดยระบุเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่พรรคฯ ต้องใช้มาตรการผ่อนปรนความตึงเครียดกับแผ่นดินใหญ่ของจีนเพื่อตอบโต้ข้อเสนอ "50-50" ขณะเดียวกันก็ต้องปกป้องรากฐานทางเทคโนโลยีและอาชีพในไต้หวันผ่านการกระทำที่เป็นรูปธรรมและมุ่งเน้นสันติภาพ

(แฟ้มภาพซินหัว : ทิวทัศน์อาคารไทเป 101 มองจากภูเขาเซี่ยงซานในเมืองไทเป เกาะไต้หวันทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน วันที่ 21 ก.ค. 2019)