ปักกิ่ง, 15 ก.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (14 ก.ค.) หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งพบปะหารือกับสุพราหมัณยัม ไจชันการ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย ณ กรุงปักกิ่ง กล่าวว่าจีนและอินเดียควรยึดมั่นทิศทางของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและมิตรภาพ และแสวงหาหนทางสร้างความเคารพและไว้วางใจซึ่งกันและกัน ดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ พัฒนาร่วมกัน และร่วมมือแบบที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์
จีนและอินเดียต่างเป็นประเทศอารยธรรมตะวันออกที่ยิ่งใหญ่และประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ติดกัน ซึ่งแก่นแท้ของความสัมพันธ์ทวิภาคีอยู่ที่การดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคีปรองดองและประสบความสำเร็จร่วมกัน โดยเมื่อปี 2024 สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ได้บรรลุฉันทามติสำคัญระหว่างการพบปะหารือในเมืองคาซานของรัสเซีย สะท้อนให้เห็นทิศทางของการพัฒนาปรับปรุงความสัมพันธ์ทวิภาคี
ทั้งสองฝ่ายควรตั้งเป้าหมายให้สูง วางแผนระยะยาว ยึดมั่นทิศทางของการเป็นมิตรประเทศเพื่อนบ้านที่ดี และทำให้แนวคิด "มังกร-คชสารเริงระบำ" (Dragon-Elephant Tango) กลายเป็นจริง ขณะปี 2025 ตรงกับวาระครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-อินเดีย ซึ่งการปรับปรุงและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของความสัมพันธ์ทวิภาคีนี้ไม่ได้มาอย่างง่ายดาย จึงควรค่าแก่การทะนุถนอมรักษาไว้ยิ่งขึ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอินเดียไม่ควรมุ่งตรงไปยังฝ่ายที่สามและไม่ควรถูกแทรกแซงจากฝ่ายที่สาม ทั้งสองฝ่ายควรเสริมสร้างความไว้วางใจมากกว่าการระแวงสงสัย มุ่งเน้นความร่วมมือมากกว่าการแข่งขัน และแสวงหาความสำเร็จร่วมกันมากกว่าการถ่วงรั้งกัน
จีนยินดีทำงานร่วมกับอินเดียเพื่อปฏิบัติตามฉันทามติสำคัญที่ผู้นำสองประเทศบรรลุ เพิ่มพูนความไว้วางใจทางการเมือง ขยายการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือ จัดการข้อแตกต่างอย่างเหมาะสม และเสริมสร้างการประสานงานบนเวทีพหุภาคี เช่น องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มีเสถียรภาพอันดีอย่างยั่งยืน
หวังกล่าวว่าสีจิ้นผิงได้เสนอการสร้างประชาคมมนุษยชาติที่มีอนาคตร่วมกัน และโมดีสนับสนุนแนวคิด "โลกคือครอบครัวเดียวกัน" ซึ่งแนวคิดเหล่านี้ต่างเกี่ยวพันกัน ขณะเดียวกันทั้งสองฝ่ายสนับสนุนพหุภาคีนิยมและหวังว่าระเบียบระหว่างประเทศจะพัฒนาในทิศทางที่ยุติธรรมและสมเหตุสมผลยิ่งขึ้น
จีนยินดีจะเพิ่มการสื่อสารและทำงานร่วมกับอินเดีย รวมถึงร่วมปกป้องระบบการค้าพหุภาคี เสถียรภาพของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และสภาพการณ์ระหว่างประเทศที่เปิดกว้างและร่วมมือกัน พร้อมทำงานร่วมกับอินเดียเพื่อส่งเสริมโลกหลายขั้วที่เท่าเทียมและเป็นระเบียบ โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและเป็นประโยชน์ในระดับสากล และคุ้มครองผลประโยชน์ร่วมของกลุ่มประเทศโลกใต้ เพื่อส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ การพัฒนา และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค
ด้านไจชันการ์กล่าวว่าการพบปะของสองผู้นำประเทศที่เมืองคาซานมอบแนวทางสำคัญแก่ความสัมพันธ์อินเดีย-จีน ขณะการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือทวิภาคีด้านต่างๆ กำลังกลับสู่ภาวะปกติ โดยไจชันการ์ขอบคุณจีนที่อำนวยความสะดวกแก่ชาวอินเดียในการกลับไปแสวงบุญที่เขตปกครองตนเองทิเบต (ซีจ้าง) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน
อินเดียและจีนเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา ไม่ใช่คู่แข่ง และอินเดียยินดีมองความสัมพันธ์กับจีนในระยะยาว ใช้วาระครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เป็นโอกาสส่งเสริมผลประโยชน์ร่วม กระชับความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน เสริมสร้างการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน และร่วมคุ้มครองาสันติภาพและความสุขสงบในภูมิภาคชายแดน พร้อมเรียกร้องทั้งสองฝ่ายส่งเสริมปัจจัยบวกในความสัมพันธ์ทวิภาคีเพื่อไม่ให้ความแตกต่างลุกลามเป็นข้อพิพาท หรือการแข่งขันกลายเป็นความขัดแย้ง
ความสัมพันธ์อินเดีย-จีน ซึ่งต่างเป็นเพื่อนบ้านคนสำคัญ ประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก และประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก มีนัยสำคัญในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยอินเดียยึดมั่นความเป็นอิสระทางยุทธศาสตร์และการดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างอิสระ รวมถึงพร้อมเสริมสร้างการประสานงานและความร่วมมือกับจีนในระดับพหุภาคีเพื่อส่งเสริมโลกหลายขั้ว และสนับสนุนจีนในฐานะประธานหมุนเวียนให้ประสบผลสำเร็จในการเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ด้วย
(แฟ้มภาพซินหัว : หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน พบปะหารือกับสุพราหมัณยัม ไจชันการ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย ณ กรุงปักกิ่งของจีน วันที่ 14 ก.ค. 2025)
(แฟ้มภาพซินหัว : หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน พบปะหารือกับสุพราหมัณยัม ไจชันการ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย ณ กรุงปักกิ่งของจีน วันที่ 14 ก.ค. 2025)